ปราสาทเขาพระวิหารและกัมพูชา

คดีปราสาทพระวิหารระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทยซึ่งสารยุติธรรมระหว่างประเทศหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าศาลโลกนั้นได้มีคำพิพาทษาเมื่อวันที่15มิถุนายนคริสตศักราช1962พุทธศักราช2505ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชานับเป็นเวลาครบรอบ46ปีแล้วหลายคนที่ยังเกิดไม่ทันจึงยังไม่รู้และทราบในสภาพของสังคมในสมัยนั้นว่ามันมีประติกิริยาอย่างไรต่อผลของคำพิพาทษานี้

แม้ว่าคนไทยจำนวนมากจะเคยรับรู้เรื่องเหล่าของคดีพระวิหารมาบ้างแล้วก็ตามแต่รายละเอียดทั้งข้อเท็จจริงของคดีนี้ดูจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่นักเรื่องราวปราสาทพระวิหารก็ได้กลับมาเป็นที่สนใจของผู้คนอีกครั้งหนึ่งเมื่อปะเทศกัมพูชาได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการมรดกโลกยูเนสโกพิจารณาว่าปราสาทพระวิหารสมควรที่จะขึ้นทะเบียนเป็นมดรกโลกตามอนุสัญญาเกี่ยวกับการปกป้องวัฒนธรรมโลกและมรดกธรรมชาติภายหลังของการตัดสินของศาลโลกรัฐบาลไทยในขณะนั้นโดยท่าน จอมพล สฤษดิ์ ธนะรันต์ นายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยกับประชาชนคนไทย

มีความว่าพี่น้องรวมชาติและมิตรของข้าเจ้าทั้งหลายตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือที่เรียกว่าศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่15มิถุนายนพุทธศักราช2505ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชาและทางรัฐบาลได้ออกแถลงมาให้พี่น้องทราบเป็นลำดับนั้นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเฉพาะของตัวข้าพเจ้าถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งเพราะมันเป็นที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติอันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทยซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มาฝ่าผ่าคมอาวุธรักษาไว้

และตกทอดมาถึงรุ่นเราเนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นที่สะสะเทือนใจพี่น้องทั้งหลายข้าพเจ้าทราบดีว่าในส่วนลึกและหัวใจแล้วคนไทยผู้รับชาติทุกคนมีความเศร้าใจแสดงออกึงประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศเพื่อคัดคานคำพิพาทษาของโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นสิ่งที่ได้เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้วทั้งนี้มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจชาติไทยยอดทอดแท้ไม่ได้เราเคยสูญเสียประเทศมหาอำนาจที่ล่าอนานิคมมาแล้วหลายครั้งหากบรรพบุรุษของเรายอกท้อแท้เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้

เราจะต้องหาวิธีการสู่ต่อไปสำหรับกรณีปราสาทเขาพระวิหารซึ่งสารโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนันข้าพเจ้าได้ข้อทบทวนความเข้าใจกับเพื่อนรวมชาติทั้งหลายว่ารัฐบาลและประชาชนชาวไทยไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลกทั้งในข้อเท็จจริงกฏหมายระหว่างประเทศและหลักความยุติธรรมเมื่อเป็นดั้งนี้แม้รัฐบาลและประชาชนชาวไทยจะได้มีความรู้สึกเสียใจและเศ้ราใจเพียงใดในฐานะที่ประเทศไทยนั้นได้เป็นสหประชาชาติ