ประวัติศาสตร์สนามกรุงโรม

สนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโคลอสในยุคโบราณที่รู้จักกันในนามของโคลอสเป็นสถานที่ที่ได้ให้ความบันเทิงแก่ชาวโรงมันทุกคนแต่ว่ากันว่าเกมการแข่งขันในยุคนั้นมันค่อยข้างที่จะต่างไปจากเกมในยุคนี้เลยทีเดียวมันเด็ดสะยิ่งกว่าการดูบอลในสนามเสียอีก

ซึ่งโคลอสก็เป็นสถานที่เอาไว้ใช้สำหรับชาวโรมันทุกคนดังนั้นค่าเข้าของมันคือฟรีแต่เดี๋ยวก่อนชาวโรมันเขาไม่ได้เรียกสนามกีฬาแห่งนี้ว่าโคลอสชื่อนี้มันเป็นชื่อของรูปปั่นทองเหลืองที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นต่างหากชาวโรมันที่ได้ชื่อมาจากรอดช่องสิงค์โปรที่ได้ไปตั้งร้านอยู่ตรงข้างโรงหนังสิงค์โปรนั่นแหละจริงๆแล้วชื่อของมันคือสนามกีฬาแห่งฟาเวียตระกูลของจักรพรรดิที่ได้ปกครองพวกเราอยู่ในตอนนี้

เมื่อเราได้เข้ามาข้างในแล้วนั้นมันจะมีที่นั่งมากมายที่จะรอรับผู้คนได้ถึง5หมื่นคนเลยทีเดียวแต่ด้วยความที่ว่ามันไม่มีตั๋วสิ่งที่มันท่าทายก็คือเราจะต้องเดินเบียดขึ้นไปเพื่อจะหาที่นั่งและใช่ว่าเราจะนั่งตรงไหนก็ได้เราต้องดูตัวเองด้วยว่าเราเป็นชนชั้นไหน

โดยถ้าหากว่าเป็นจักรพรรดิราชนีนักบวชหรืออะไรต่างๆเราก็จะได้นั่งชั้นที่มันอยู่ใกล้สนามมากที่สุดแต่ถ้าเราเป็นไฮโซพ่อค้าหรือพูดง่ายๆเลยคือกลุ่มคนที่จ่ายภาษีแบบหนักๆให้แก่รัฐบาลเราก็จะสามารถนั่งได้ในชั้นที่สองและที่สูงขึ้นไปอีกนั่นเป็นของประชากรที่หาเช้ากินค่ำทั่วไป

ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นที่แฟนตัวจริงนั่งอยู่ส่วนชั้นบนสุดคือชั้นที่สี่จะมองเห็นคนในนามได้ตัวเล็กบวกกับไม่ได้ยินเสียงอะไรจากนามเลยนอกจากเสียงของคนด้านล่างก็จะเป็นที่สงวนไว้สำหรับผู้หญิงและขอทานจนๆการที่จะขึ้นไปยังชั้นนี้ก็เปรียบได้กับการขึ้นบนไดไปยังตึก12-15เลยทีเดียว 

นอกจากนี้สนามกีฬาแห่งนี้จะเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จุผู้คนได้ราวๆ5หมื่นคนเลยทีเดีวแต่พอถึงเวลาจะใช้จริงๆแล้วมันก็เบียดเสียดไม่แพ้กับเขาไปดูคอนเสิร์ตเลยทีเดียวแต่เรื่องที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้นมันไม่มีแอร์แต่ขอบอกเลยว่าน่าร้อนในกรุงโรมร้อนไม่ใช่น้อยไม่แพ้ไทยเลย

ดังนั้นกลิ่นเหงื่อของคนรอบข้างเราก็สามารถสูดได้อย่างเต็มปอดเลยแต่เลยสนามเขาก็เข้าถึงปัญหานี้ดีก็เลยทำการออกแบบที่เป็นหลังคาที่เป็นร่มขนาดใหญ่มัมนก็จะสามารถหุบกลางได้เหมือนกับกลางเรือใบที่ใช้ในสนามรบในเวลานั้นเลย

 

สนับสนุนโดย  สูตรหวยยี่กี ruay