ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อธรรมจักรที่วัดธรรมามูล วรวิหารจังหวัดชัยนาท 

           สำหรับหลวงพ่อธรรมจักรนั้นเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดชัยนาทเลยก็ว่าได้ซึ่งหลวงพ่อธรรมจักรนั้นว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยเชียงแสนตอนปลายจนถึงสุโขทัยตอนต้นหรืออาจจะมีการผสมผสานร่วมสมัยกับสมัยอยุธยาด้วยก็ได้ซึ่งไม่มีหลักฐานระบุที่แน่ชัดแน่นอนแต่ด้วยหลวงพ่อธรรมจักรนั้นเป็นพระพุทธรูปที่มีความสูงถึง 4.5 เมตร

เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นลักษณะของพระพุทธรูปทรงปางห้ามญาติส่วนประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อธรรมจักรที่ชาวจังหวัดชัยนาทให้ความเคารพนับถือ นั้นเล่ากันสืบต่อกันมาว่าที่จริงแล้วหลวงพ่อธรรมจักรนั้นคือหนึ่งในพระพุทธรูปจำนวน 3 รูปที่ว่ามีการลอยตามกันมาในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อครั้งสมัยอยุธยานั่นเอง

โดยตามตำนานบอกว่ามีด้วยกันทั้งหมด 3 องค์ด้วยกันแต่จริงๆแล้วเชื่อว่ามีทั้งหมด 4 องค์ซึ่งองค์แรกนั้นก็คือหลวงพ่อโสธรที่วัดโสธรวรมหาวิหารโดยประดิษฐ์ฐานอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา   ส่วนองค์ที่ 2 นั้นว่ากันว่าเป็นหลวงพ่อวัดบ้านแหลมซึ่งตอนนี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดบ้านแหลมจังหวัดสมุทรสงคราม   และหลวงพ่อองค์ที่ 3 คือหลวงพ่อที่อยู่วัดไร่ขิงจังหวัดนครปฐม  ซึ่งหลวงพ่อองค์ที่ 4 นั้นคือหลวงพ่อธรรมจักร ที่อยู่วัดธรรมามูลวรมหาวิหารจังหวัดชัยนาทนั่นเอง

โดยตามตำนานมีการเชื่อกันว่าเมื่อมีพระพุทธรูปลอยตามน้ำมาหลวงพ่อธรรมจักรนั้นได้มีการลอยมาวนเวียนอยู่แถวบริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรมหาวิหารซึ่งลอยติดอยู่ตรงบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาในวันนั้นได้มีพระภิกษุสงฆ์ผ่านมาเห็นเข้าจึงได้พยายามจะนำหลวงพ่อธรรมจักรขึ้นมาจากน้ำแต่ก็ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ชาวบ้านและพระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ในวัดธรรมนูญจึงได้มีการช่วยกันทำพิธีอัญเชิญเพื่ออัญเชิญให้หลวงพ่อมาประจำประดิษฐานอยู่ที่วัดแห่งนี้ในตอนแรกนั้นไม่ว่าจะมีการนำสายสิญจน์มาผูกกับพระพุทธรูปแล้วช่วยกันดึงยังไงก็ไม่สามารถที่จะดึงพระพุทธรูปขึ้นมาจากน้ำได้ซึ่งตลอดทั้งวันทั้งชาวบ้าน

และพระภิกษุสงฆ์อ่างต้องพยายามช่วยกันที่จะดึงพระพุทธรูปขึ้นมาจากน้ำแต่ก็ไม่สามารถที่จะดึงขึ้นมาได้จวบจนใกล้จะค่ำแล้ว ทุกคนจึงได้มีการแยกย้ายกันกลับบ้านและมีความตั้งใจกันว่าวันรุ่งขึ้นจะมาอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นจากน้ำกันใหม่แต่เมื่อเช้าขึ้นมาทุกคนต่างก็ต้องอัศจรรย์ใจกันเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าองค์พระพุทธรูปที่ลอยตามน้ำ

และพยายามจะพากันขึ้นมาจากแม่น้ำนั้นปรากฏว่ามาประดิษฐานอยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าเรียบร้อยแล้วซึ่งไม่มีใครรู้ว่าองค์พระพุทธรูปขึ้นมาจากน้ำได้อย่างไรหลังจากนั้นทั้งพระภิกษุสงฆ์และประชาชนก็พากันอัญเชิญพระพุทธรูปเข้าไปประดิษฐานอยู่ที่ภายในบริเวณวัดและมีการเรียกชื่อฐานพระพุทธรูปองค์นี้ว่าหลวงพ่อธรรมจักรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน ไฮโล