Foxholes หรือ หลุมบุคคล

สำหรับวันนี้เรามีเรื่องเกี่ยวกับการทหารมาฝากทุกคนกันอีกแล้ว Foxholes หรือ หลุมบุคคล ซึ่งใครที่เคยเรียน รด. หรือใครที่เคยเกณฑ์ทหารมากต้องรู้จักกับสิ่งนี้อย่างแน่นอนโดยสิ่งนี้มีชื่อเรียนว่าหลุมบุคคลหรือเรียกว่า Foxholes ซึ่งเจ้า Foxholes หรือว่าหลุมบุคคลคืออะไรมันคือหลุมหลบภัยชนิดหนึ่งนั่นเองที่เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมทางทหารที่พื้นๆง่ายรวดเร็วและฟรี

แต่ว่ามันได้มีประสิทธิภาพอย่างมากมายได้ช่วยชีวิตเหล่าทหารมานักต่อนักแล้วเรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปชนกันเลยย้อนกลับไปก่อนที่เจ้า Foxholesจะถูกคิดค้นขึ้นมาหรือถูกนำเอามาใช้จริงเราต้องย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่1ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่1หลุดหลบภัยก็ถูกคิดค้นขึ้นมาแล้วใช่ไหม

ซึ่งในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นโครงข่ายสนามเพาะนั่นเองคือมันจะเป็นหลุมหลบภัยที่มีโครงข่ายเชื่อมต่อกันและจะถูกขุดกันเป็นแนวยาวหลายกิโลเมจรเลยเพื่ออะไรก็เพื่อป้องกันแนวรบที่กว้างขวางในสมัยสงครามโลกครั้งที่1แนวรบมันจะมีระยะทางที่ยาวมากๆเลย

อาจจะเป็นสิบกิโลเมตรได้เลยการป้องกันเขาเลยขุดโครงข่ายสนามเพราะให้มันเชื่อมถึงกันจะได้ป้องกันได้อย่างทั่วถึงแต่พอจนสงครามโลกครั้งที่1แล้วเข้าสงครามโลกครั้งที่ 2 สนามเพราะก็เรียกได้ว่ากลายเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยไปเพราะว่าการรบมันจะเปลี่ยนจากรูปแบบการรบแบบผสมผสานแบบทหารราบและยานเกาะ

ดังนั้นสนามเพราะจึงเรียกได้ว่ามันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพแล้วแต่อย่างไรก็ตามถ้าเกิดว่าด้วยเรื่องของสงครามมันก็จะต้องมีแนวหน้าอยู่เสมอการที่จะป้องกันแนวหน้าได้พวกเขาก็จะต้องมีสิ่งป้องกันแนวหน้าต่างๆไม่ว่าจะเป็นป้อมปืนบังเกอร์หรือแม้กระทั่งสนามเพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1

โดยนับว่าเป็นสิ่งป้อมกันสำหรับทหารราบในแนวหน้าแต่สงครามโลกครั้งที่2แนวหน้ามันไม่ได้รั้งกันนานเหมือนสงครามโลกครั้งที่1มันเปลี่ยนแนวหน้ากันเร็วมากๆเลยการจะสร้างสิ่งป้องกันทีนึงไม่ว่าจะเป็นสนามเพราะหรือว่าบังเกอร์ถาวรมันจะต้องใช้เวลาที่ยาวนานมากๆเลย

กว่าจะสร้างกันเสร็จแนวหน้าก็อาจจะเคลื่อนที่ไปแล้วก็ได้ทหารจึงต้องการสิ่งป้องกันที่มันสามารถสร้างได้อย่างง่ายดายรวดเร็วสะดวกและสามารถป้องกันพวกเขาจากการโจมตีได้จริงๆหลุมบุคคลจึงได้ถูกคิดค้นขึ้นมานั่นเองหลุมบุคคลลักษณะมันเป็นยังไง

ซึ่งลักษณะมันก็จะเป็นแค่หลุมธรรมดานี่แหละเป็นหลุมที่มีความลึกประมามณ1เมตรครึ่งเพื่อที่จะให้ทหารราบสามารถใช้เป็นสิ่งป้องกันแบบฉุกเฉินแบบชั่วคราวได้นั่นเองตัวหลุมจะมีความกว้างพอสำหรับพอให้ลงไปอยู่ได้2-3คนในแต่ละคนหรือแต่ละคู่นั้นต้องขุดหลุมของตัวเองมันถึงเรียกว่าหลุมบุคคลยังไงล่ะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  heng868

ตำนานเรื่องเล่านาคา

ตำนานเรื่องเล่านาคา หากจะพูดถึงสัตว์ในตำนานอย่างพญานาคผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนคงจะรู้เรื่องราวตำนานพวกนี้กันเป็นอย่างดีทั้งจากโทรทัศน์และหนังเสือหรือแม้แต่เรื่องราวในพระพุทธศาสนาแต่ถ้าหากพูดจริงๆแล้วไม่มีใครที่จะรู้ได้จริงๆว่าสัตว์ในตำนานชนิดนี้มันมีอยู่จริงหรือไม่หรือจะเป็นตำนานที่ได้เล่าต่อๆกันมาหลายชั่วอายุคนเพียงเท่านั้น

วันนี้ผู้เขียนอยากจะถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคให้ทุกคนได้อ่านกันซึ่งเรื่องราวนี้ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเพราะเป็นเรื่องเล่าของผู้เขียนในสมัยหนุ่มๆที่มีอาชีพเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อดำรงชีพแต่ด้วยวิบากกรรมที่อาจจะได้ทำร่วมกันมาท่านเองก็ได้มาพบกับเรื่องราวที่แปลกประหลาดและอัศจรรย์ใจ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนในช่วงสมัยนั้นผมเองยังคเป็นเด็กหนุ่มบ้านนอกและยังอยู่ในวัยที่ยังหนุ่มแน่นผมจะแทนตัวเองว่าดำแล้วกันชีวิตของผมในสมัยนั้นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับชีวิตของชาวบ้านชนบทหลายๆคนการทำมาหากินก็มักจะไปในทิศทางเดียวกันนั่นก็คือการทำไร่ไถ่นาตามวิถีของชาวบ้านชนบทที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายได้สอนพวกผม

ซึ่งได้ทำกันมาตั้งแต่เด็กๆจิตวัตประจำวันหลังจากการว่างเว้นจากการทำไร่ทำนาก็คงจะไม่พ้นการจีบสาวต่างหมูบ้านโดยในสมัยก่อนนั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าลำบากอยู่พอสมควรในการจะหาคู่ร่วมใจมาใช้ชีวิตเพราะในสมัยก่อนไม่มีมือถือไม่มีแอพหาคู่เหมือนอย่างในสมัยนี้

โดยการที่จะได้พบหน้าคนรักในแต่ละทีนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยอย่างดีก็ได้พบพวกเธอในงานวัดหรืออาจจะต้องเขียนจบหมายหากันเพียงเท่านั้นในยุคที่ถนนยังเป็นถนนลูกรังแดงมีแต่ฝุ่นไม่มีความเจริญเข้ามามากไฟฟ้าก็ยังเข้ามาไม่ทั่วถึงแต่การใช้ชีวิตในช่วงนั่นผมคิดว่ามันน่าจะมีความสบายใจกว่าทุกวันนี้จิตวัดอีกอย่างที่ลูกผู้ชายอย่างผมมักจะทำนั่นก็คือการเข้าป่าหาล้าสัตว์และหาพืชผักมาทำเป็นอาหาร

ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคนบ้านนอกป่ามันก็คือที่เดียวที่พอจะให้อาหารที่มันไม่มีในท้องตลอดได้สายๆในวันนี้ผมได้เดินไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทเพราะว่าในวันพรุ่งนี้ผมจะชวนมันเพื่อเข้าป่าไปล้าสัตว์กันพอไปเรียกที่บ้านเพื่อนก็เกิดความสงสัยและในที่สุดก็ได้นัดหมายที่จะออกไปหาล้าสัตว์ป่ากันในคืนนี้และจุดหมายก็เป็นจุดที่เพื่อผมได้เสนอแนะมาว่าที่แห่งนั้นมักจะมีกระต่ายออกมาหากินอยู่เสมอ

 

สนับสนุนโดย.  wm เครดิตฟรี 100

สถานที่ที่น่ากลัวอันดับ1ของประทศไทย

ในเวลาที่เราจะพูดถึงสถานที่ๆน่ากลัวหรือมีความสยองขวัญเราจะนึกถึงสถานที่ๆมีคนไปมาแล้วหรือมีการเล่าต่อกันมา เช่น ป่าช้าร้าง เกาะขามน้อย หรือในโรงงานร้างต่างๆ สถานที่ที่น่ากลัวอันดับ1 แต่ในสถานที่ที่มีความน่ากลัวและเฮียนที่สุดของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด กาญจนบุรีและก็เคยมีคนมาของของและทำให้เกิดการเสียชีวิตมาแล้ว

นั้นก็คือสุสานโสเภณี จังหวัด กาญจนบุรี โดยที่มีการบอกเล่าเอาไว้ว่า สถานที่นี้เป็นสถานที่ที่เก่ามาก ในสมัยก่อน และในสถานที่แห่นี้มีการอยู่มาก่อนปี2525อีก ก่อนที่จะปิดตัวลงในปี2540 และในสถานที่แห่งนี้ผู้หญิงบางคนไม่ได้เต็มใจที่จะมาทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินอีกด้วย

เพราะในสถานที่แห่งนี้จะมีทั้ง ผู้หญิงที่เต็มใจ จะมาทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะถูกหลอกเพื่อที่จะมาทำงานที่นี้และมีการกดขี่และเอาเปรียบเรื่องเงินกันอยู่ด้วยและถ้ามาทำงานที่นี้แล้วไม่ทำตามที่บอกจะถูกทำร้ายร่างกายจนกว่าจะยอมทำหน้าที่นั้นๆอีกด้วยและในการทำงานเหล่านั้นผู้หญิงก็ยังไม่สามารถทำการพักได้อีกด้วย

และในสถานที่นั้นไม่ได้มีการปองกันซึ่งแน่นนอนจะทำให้มีการเกิดโรคขึ้นได้และมีการแผ่กระจายออกไปเรื่อยๆและได้มีการติดอยู่กับผู้หญิงในนั้นและบางคนที่ได้รับเชื้อนั้นเข้าไปได้ทำให้มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นจนสถานที่นั้นผู้คนก็ได้มีการเริ่มลดน้อยลงและได้มีการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในขณะที่ผู้หญิงเหล่านั้นยังหลับอยู่ซึ่

งทำให้เกิดว่าผู้หญิงเหล่านั้นหลายๆคนได้รับบาดเจ็บอย่างมากและหลังจากนั้นก็ได้ทำให้เกิดการปิดตัวลงของสถานที่บังเทิงนั้นและผู้คนบริเวณนั้นหรือชาวบ้านบริเวณนั้นได้มีการตั้งฉายาขึ้นว่า สุสารโสเภนีนั้นเองและนี้ก็คือประวัติที่มาของสุสารโสเภนีนั้นเอง

และต่อมาก็ได้มีการรกร้างขึ้นเรื่อยๆและชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณนั้นก้ได้เกิดความหลอนว่าสถานที่นี้เคยมีผู้คนเสียชีวิต และตอนกลางคืนในบางวันจะทำให้มี เกิดความหลอนอยู่เช่น ได้ยินเสียงหัวเราะ มีผู้หญิงหลายๆคนอยู่ใรที่ๆนั้นบ้าง บางทีก็มีเสียงกรีดร้อง และบางทีก็มีมายืนหน้าซอยบ้าง

และก็ได้มีการบอกต่อไปเรื่อยๆจนมีการเข้ามาล่าท้าผีเกิดขึ้น จากที่เรานั้นเห็นในรายการหรือตามสื่อต่างๆที่มีการบ่งบอกถึงความเหี้ยนอันน่ากลัว สุดน่าสยองทั้งหลาย และถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งที่ต้องการความท้ายทายอันน่ากลัว เราขอแนะนำให้ไปสถานที่เหล่านี้เพื่อเป็นการท้าทาย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  WM Casino

ตำนานดอยนางนอนและดอยตุงตรงบริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน 

 

          ตำนานดอยนางนอน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ของถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ก็มีเรื่องของตำนานของถ้ำแห่นี้เล่ากันต่อมาเลื่อยๆ ซึ่งในตำนานได้ที่จะมาพูดถึงกันในนี้ก็คือตำนานของเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งที่เธอหลงรักกับชายเลี้ยงม้าจนทำให้เกิดตำนานแห่งนี้เกิดขึ้น   โดยเจ้าหญิงองค์ดังกล่าวนั้นเป็นเจ้าหญิงที่อยู่การปกครองภายใต้เมืองเชียงรุ้งสิบสองปันนา   

           ในขณะที่เจ้าหญิงกำลังเริ่มเติบโตเป็นสาวนั้นก็ได้พบกับชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแต่เป็นเพียงแค่คนเลี้ยงม้าในพระราชวังเท่านั้นซึ่งเจ้าหญิงนั้นได้ส่งมาขี่มาเล่นเป็นประจำทำให้รู้จักกับชายหนุ่มคนดังกล่าวและทั้งคู่ก็เกิดความรักใคร่กันและในที่สุดก็มีความสัมพันธ์กันจนเจ้าหญิงนั้นตั้งท้องขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตนเองท้องก็เกิดความกลัวว่าพระบิดานั้นจะไม่พอใจจึงได้นัดกันเพื่อจะทำการหนีออกจากพระราชวังนั่นเอง

        ในระหว่างที่เจ้าหญิงกับชายคนรักได้หนีออกมานั้นก็มีการหนีมาตามแม่น้ำโขงซึ่งในขณะนั้นเจ้าหญิงท้องแก่หลายเดือนแล้วจึงทำให้การเดินทางนั้นค่อนข้างช้าเพราะว่าไม่สามารถที่จะเดินทางได้เร็วได้ระหว่างการหลบหนีนั้นชายคนรักของเจ้าหญิงก็จะเป็นผู้หาอาหารมาให้เจ้าหญิงกินและอยู่มาวันหนึ่งขณะที่ทั้งคู่นั้นได้หลบอาศัยอยู่ในถ้ำใช่คนรักของเจ้าหญิงได้ออกไปหาอาหารแต่หลังจากออกไปแล้วใช้คนรักก็หายไปเลยและไม่สามารถติดต่อกับเจ้าหญิงได้

        ทางด้านเจ้าหญิงนั้นก็หลบอยู่ภายในถ้ำแต่ท้ายที่สุดแล้วบรรดาทหารที่พระราชบิดาของเจ้าหญิงส่งมาให้ตามจับกุมตัวเจ้าหญิงนั้นก็ตามมาจนเจอและเจ้าหญิงกินได้รู้ว่าคนรักของเจ้าหญิงนั้นถูกฆ่าตายเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยทหารที่ถูกส่งมานั่นเองเมื่อเจ้าหญิงรู้ว่าใช่คนรักนั้นเสียชีวิตแล้วเจ้าหญิงก็เสียใจเป็นอย่างมากเธอจึงได้ฆ่าตัวตายด้วยการที่เอาปิ่นปักผมที่อยู่บนหัวของเธอนั้นแทงตัวเองหลังจากนั้นเลือดก็ไหลออกจากร่างกายของเจ้าหญิงซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นกลายเป็นแม่น้ำที่ชื่อว่าแม่สาย    

          ส่วนร่างกายของเจ้าหญิงที่ล้มลงและนอนเสียชีวิตนั้นเป็นลักษณะการนอนที่หันหัวไปทางทิศใต้และขาชี้ไปทางทิศเหนือดังนั้นหลังจากที่เสียชีวิตร่างกายของเจ้าหญิงก็กลายเป็นหินโดยบริเวณจุดนี้ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่กันว่าดอยนางนอน  และตรงบริเวณท้องของเจ้าหญิงซึ่งมีการตั้งท้องอยู่นั้นจะนูนขึ้นมาซึ่งตรงบริเวณที่นอนนี้กลายเป็นภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันว่าโดยตรงนั่นเอง

          ซึ่งตำนานที่มีการพูดถึงนี้เป็นตำนานของดอยต่างๆซึ่งเป็นสถานที่จริงในปัจจุบันนี้นั่นเอง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  huaydee

ตำนาน พญาครุฑพญานาค

           เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักและเคยเห็นพญาครุฑกันมาบ้างถึงแม้พญาครุฑหากเปรียบเทียบกับพญานาคแล้ว พญาครุฑพญานาค จะมีชื่อเสียงโด่งดังน้อยมากกว่าแต่ถ้าหากดูตามหลักการใช้งานแล้วตามสัญลักษณ์ตราของราชการต่างๆรวมถึงการทำพาสปอร์ตเรามักจะเห็นตาที่มีสัญลักษณ์เป็นพญาครุฑนั่นเอง  

    หรือแม้แต่ตามวัด ตามโบสถ์นั้นเราก็มักจะเห็นภาพของ พญาครุฑพญานาค บางที่เรามักจะเห็นรูปภาพพญาครุฑวาดคู่กับภาพพญานาคซึ่งส่วนใหญ่แล้วรูปภาพทั้งสองจะไม่ค่อยถูกกันเช่นบางรูปจะมีสัญลักษณ์เหมือนกับพญาครุฑกำลังจะฆ่าพญานาคซึ่งสาเหตุที่รูปส่วนใหญ่ที่เราเห็นว่าพญาครุฑมักจะฆ่าพญานาคหรือพญาครุฑกับพญานาคไม่ถูกกันนั้นนั่นก็เพราะว่าในอดีตกาลมีตำนานเล่าว่าอันที่จริงแล้วพญาครุฑและพญานาคนั้นคือพี่น้องพ่อคนเดียวกันซึ่งพ่อของพญาครุฑกับพญานาคนั้นเป็นฤาษีตนหนึ่งชื่อว่าวัตกัสสปะ 

     โดย ฤาษีตนนี้เป็นฤาษีที่มีเมียมากแต่มีเมียที่ท่านรักมากที่สุดอยู่สองคนด้วยกันนั่นก็คือแม่ของพญาครุฑและแม่ของพญานาคนั่นเอง โดยแม่ของพญาครุฑกับพญานาคนั้นเป็นพี่น้องกัน แต่ไม่ค่อยจะถูกกันเพราะว่าต่างก็ต้องการแย่งความรักจากฤาษีอยู่มาวันหนึ่งทั้งสองพี่น้องนั้นเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาพร้อมกันฤาษีจึงจะให้พรโดยให้แม่ของพญาครุฑและแม่ของพญานาคนั้นมาขอพรได้คนละ 1 ข้อ โดยแม่ของพญานาคได้ขอพรกับพระฤาษีว่าขอให้ตนเองนั้นมีลูกออกมาเยอะๆเป็นพันๆตัวโดยมีลูกให้เยอะกว่าแม่ของพญาครุฑ ส่วนทางด้านแม่ของพญาครุฑนั้นเมื่อเห็นว่าพญานาคขอให้มีลูกเยอะแล้วตนเองจึงขอพระฤาษีว่าขอให้ตนเองนั้นมีลูกแค่เพียง 2 ตัวเท่านั้นแต่ว่าลูกของตนเองนั้นจะต้องมีอำนาจใครจะไม่สามารถมาทำอันตรายใดๆได้

            และพรของทั้งสองคนที่ขอก็สัมฤทธิ์ผลหลังจากนั้นเมื่อหญิงสาวทั้งสองคนคลอดลูกออกมาแม่ของพญานาคซึ่งคลอดลูกออกมาเป็นไข่เป็นพันฟองในขณะที่แม่ของพญาครุฑนั้นออกไข่มาเพียงแค่ 2 ฟองเท่านั้น และไข่ของพญานาคนั้น ออกมาหลากหลายสีมากเลยทีเดียว 

ส่วนทางด้านแม่ของพญาครุฑนั้น  เมื่อเห็นไข่ของตนเองไม่ฟังสักทีจึงได้นำไข่ไปทุบส่วนตัวอ่อนที่อยู่ในไข่นั้นได้รับความเสียหายทำให้ไข่ใบแรกนั้นเกิดออกมามีเพียงแค่ท่อนบนเท่านั้นแต่ขายังไม่มีในขณะที่ใครอีกใบนั้นก็ถูกทุบเข้าที่ใบหน้าทำให้มีลักษณะออกมาเหมือนเป็นพญาครุฑนั่นเอง  และนับตั้งแต่พญาครุฑได้ออกมาจากไข่ของตนเองก็ไม่พอใจพญานาคที่มีรูปร่างสวยงามมากกว่าตนเองรวมถึงพญาครุฑนั้นรู้ดีว่าแม่ของตนเองนั้นไม่ชอบแม่ของพญานาคจึงทำให้พญาครุฑไม่ชื่นชอบพญานาคและเป็นปฏิปักษ์กับพญานาคนับตั้งแต่นั้นเลยมา จนเป็นที่มาที่เราเห็นกันว่าพญาครุฑกับพญานาคนั้นไม่ถูกกันและเจอกันเมื่อไหร่ก็มักจะไล่ฆ่ากันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.  หวยออนไลน์บาทละ 1000

ตำนาน ยายสา ที่แหลมอ่าวนาง จังหวัดกระบี่

                  สำหรับประชาชนชาวจังหวัดกระบี่   เชื่อว่าใน 2 ปีที่ผ่านมานี้คงเคยได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวตรงบริเวณแหลมอ่าวนางกันมาบ้างซึ่งแหลมอ่าวนางแห่งนี้อยู่ในตำบลอ่าวนาง  ในเขตอำเภอเมืองของจังหวัดกระบี่นั่นเอง   ตำนาน ยายสา ที่แหลมอ่าวนาง และที่ตรงบริเวณแหลมอ่าวนางนี้ได้มีรูปปั้นหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงบริเวณริมหน้าผาภายในบริเวณหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง  ซึ่งรูปปั้นของหญิงชราคนดังกล่าวนั้นนับเป็นรูปปั้นที่มีชื่อเสียงมากเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวที่แหลมอ่าวนางก็มักจะพากันเดินทางมาถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นดังกล่าว

       อย่างไรก็ตามรูปด้านดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียก โดยนักท่องเที่ยวได้มีการเรียกรูปปั้นของหญิงชราคนดังกล่าวว่ายายสา  และมีแต่พูดถึงตำนานของยายสา รวมถึงสาเหตุที่ยายสามายืนอยู่ตรงบริเวณหน้าผานั้นเพราะเหตุใดดังนั้นวันนี้เราจะมาพูดถึงยายสาคนนี้ว่ามีตำนานที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

        สำหรับ ตำนาน ยายสา ที่แหลมอ่าวนาง ความเล่าขานของรูปปั้นยายสานั้น  ว่ากันว่า ผู้ที่ปั้นรูปปั้นของยาย 3 อันนั้นต้องการที่จะสื่อให้เห็นว่า  มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอนั้นมีความเชื่อและความศรัทธาอย่างแรงกล้าโดยเฉพาะความเชื่อและบูชาในเรื่องของความรัก  และเธอยังเป็นคนที่ซื่อสัตย์  เนื่องจากว่าหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นมีนามว่าสา  เธอมีสามีอยู่คนหนึ่งซึ่งสามีของเธอนั้นมีอาชีพเป็นชาวประมง  ในทุกๆวันสามีของเธอนั้นจะออกหาปลาเพื่อนำมาขายและนำมาใช้ในการเลี้ยงชีพตัวเอง

        อยู่มาวันหนึ่งสามีของยายสาก็ออกเรือประมงตามปกติ  แต่ครั้งนี้กลับไม่เหมือนเดิมเมื่อสามีของนายสานำเรือออกไปหาปลาในท้องทะเลหลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย  ยายสาได้มายืนคอยสามีที่บริเวณริมหน้าผานี้ทุกวันโดยยัยสาจะมายืนคอยตั้งแต่เช้ายันค่ำทำแบบนี้ผ่านไปแรมเดือนและแรมปี  และถึงแม้ว่ายายสาจะไม่รู้ว่าสามีของตนเองนั้นมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่ยายสาก็ยังคงรอคอยสามีของตนเองอยู่ที่เดิมเสมอ  และไม่เคยนอกใจสามีแต่งงานใหม่เลยถึงแม้ว่าสามีจะหายไปนานหลายปีแล้วก็ตาม  จนในที่สุดยายสาก็รอสามีตั้งแต่เช้าจนแก่แต่สามีก็ไม่กลับมาและยายสาก็รอสามีอยู่ที่บริเวณริมหน้าผานี้จนเสียชีวิตตรงที่บริเวณริมหน้าผานี้นั่นเอง

          นี่เป็นเพียงแค่ตำนานเกี่ยวกับเรื่องของยายสา  รูปอันที่ถูกนำมาวางไว้  แต่อันที่จริงแล้วในความเป็นจริงยัยสาที่เป็นรูปปั้นนี้เป็นผลงานของศิลปินชาวไทยท่านหนึ่งที่อยากจะแสดงผลงานของตนเองและสะท้อนให้คนในสังคมชาวประมง  

 

สนับสนุนโดย.  aecasino

รถโกคาร์ท(Go kart) นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร 

รถโกคาร์ท(Go kart) นั้นเป็นรถประเภทหนึ่งที่มีการใช้แข่งในสนาม รถโกคาร์ท(Go kart)นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแข่งขันความเร็วเพราะรถโกคาร์ท(Go kart)นั้นจะสามารถ สร้างความเร็วได้มากถึงสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและนอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ในการทดลองแข่งขันโกคาร์ท(Go kart)เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์และนำไปใช้ ได้ในการแข่งต่างๆเช่นรถฟอร์มูล่าวัน หรือการแข่งรถอื่นๆได้อีกด้วย

ซึ่งโกคาร์ท(Go kart)นั้นได้ถูกสร้างจากเครื่องยนต์ของเครื่องตัดหญ้า และรถโกคาร์ท(Go kart)นั้นถูกสร้างขึ้นในปีคศ 1957 และโกคาร์ท(Go kart)นี้ ได้รับความนิยมอย่างมากและทำการตั้งชื่อบริษัทว่าโกคาร์ท(Go kart) โกคาร์ท(Go kart)นี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับ บุคคลต่างๆ

ดังนั้นผู้คนเหล่านี้จึงเริ่มทำการสร้างโกคาร์ท(Go kart)ขึ้นเองและหลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการแข่งขันครั้งแรกเกิดขึ้นโดยที่มีการจัดตั้งชมรมหรือพิมพ์ต่างๆเพื่อใช้ในการแข่งขันขึ้นมา และในปัจจุบันโกคาร์ท(Go kart)นั้นเป็นกีฬาการแข่งขันที่แพร่หลายมากในทวีปยุโรปเอเชีย และทวีปอื่นๆ ดังนั้นจึงมีการฝึกฝน ผู้ที่ต้องการที่เข้าแข่งขันในระดับนานาชาติ หรือระดับโลก ซึ่งเด็กที่มีอายุมากกว่า 8 ปีนั้นสามารถทำการแข่งขันได้อีกด้วย

การแข่งขันครั้งแรกของโกคาร์ท (Go kart)

ในการแข่งขันครั้งแรกของ รถโกคาร์ท(Go kart) นั้นเป็นการเริ่มต้นที่ ประเทศสหรัฐ เป็นงานของชายที่มีชื่อว่า อาร์ท อินเจลส์(art in jill) ผู้นี้นั้นได้ทำการพัฒนาลดของตัวเองแบบง่ายๆเพื่อล้อเลียนการแข่งขันรถอินดี้คาร์(Indy car) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมนะในขนาดนั้นและได้ทำการจัดการแข่งขันที่แคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะขยายความนิยมไปทั่วทั้งโลก

ซึ่งทำให้ในปัจจุบันนั้น ทำให้ ซีไอเคเอฟไอเอ (CIKFIA) นั้นได้เข้ามาทำการพัฒนาจนเป็น การแข่งขันสู่ระดับนานาชาติ และซึ่งในระดับนานาชาตินั้นจะแบ่งเป็นอีก 5 รุ่นตามอายุของผู้ที่ต้องการแข่งขัน และยังเป็นเครื่องยนต์อีกด้วยและการที่มีแข่งการแข่งขันใหญ่ๆ หรือการแข่งขันระดับชิงแชมป์โลกจะใช้เป็นเครื่องยนต์สำหรับการแข่งขันซึ่งมีขนาด 250 cc ในการแข่งขัน นั้นๆการแข่งขันนั้นจะมีอยู่ 3 ประเภท

  1. การแข่งขันประเภทแรกนั้นจะเป็นการสปริ้นท์ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและนอกจากนี้ เป็นการแข่งขันวัดความเร็วในระยะ 400-1600 เมตร
  2. การแข่งขันที่ 2 นั้นจะเป็นประเภทการแข่งขันในระยะที่ยาวซึ่ง เรียกว่าเอ็นดูแรนซ์ ซึ่งการแข่งขันของประเภทนี้จะมีการแข่งขันในเวลาที่นานมากซึ่งจะกินเวลาส่วนใหญ่ถึง 24 ชั่วโมง
  3. การแข่งขันของประเภทสุดท้ายนั้นจะเป็นการแข่งขันหอมประเภทสปีดเวย์ การแข่งขันประเภทนี้จะเป็นการแข่งขันที่มีเส้นทางคดเคี้ยว และในการแข่งขันนี้จำเป็นจะต้องมีใบอนุญาตก่อนถึงจะทำการแข่งขันได้แล้วจำเป็นจะต้องใส่ชุดการแข่งขันครบเซ็ตเหมือนนักแข่งจริงๆ  

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์บาทละ 950

มนุษย์และการสร้างสรรค์

ผลงานต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบันทำให้งานประติมากรรมตามแนวคิดต่างๆและการใช้สื่อการศึกษาทางเข้ามาพัฒนารูปแบบในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นนี้ รูปแบบในการศึกษาเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับรูปแบบงานปฏิมากรรมงานภาพเขียนภาพวาด หรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างต่างๆซึ่งนำมาสู่การพัฒนารูปแบบทางความคิดต่างๆเนื้อหางานประติมากรรมลังกาหรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาของแนวคิด

ความเชื่อหรือสุนทรียภาพต่างๆในการสร้างความรู้สึกต่างๆทำให้ในยุคปัจจุบันที่ต่างๆหรือแม้แต่จะเป็นโครงสร้างในส่วนของประเทศต่างๆเริ่มมีการพัฒนารูปแบบทางความคิดของผู้คนใหม่ๆอย่างต่อเนื่องมนุษย์ที่มีการศึกษาเรื่องราวต่างๆทางด้านประวัติศาสตร์หรือไม่ใดเป็นการบ่งบอกถึงงานสร้างสรรค์วิจิตรการตากรรมต่างๆ

ทำให้รูปแบบของมนุษย์ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องรูปแบบในการสร้างสรรค์ผลงานและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างในการรับรู้ถึงเรื่องราวต่างๆการวิวัฒนาการของผู้คนรวมถึงการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆทำให้งานศิลปะต่างๆมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการลอกเลียนแบบต่างๆในการทำงานและการเลี้ยงแบบของธรรมชาติต่างๆเหล่านี้เอง

ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการทำงานมากยิ่งขึ้น เป็นทั้งส่วนการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยในความหมายของการอธิบายการเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมต่างๆในการเรียนรู้ถึงวิวัฒนาการต่างๆของเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์อยู่กับการสร้างสรรค์ผลงานและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างในการทำงานใดๆย่อมเกิดถึงสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงและทัศนะภาพของงานศิลปะที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ผู้คนต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของวงการศิลปะจึงเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและวัฒนธรรมต่างๆของมนุษย์ก็มีการเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นมากมาย

ในส่วนของการวิวัฒนาการและการทำงานดังกล่าวในส่วนการเปลี่ยนแปลงและการส่งต่อถึงแนวคิดต่างๆในส่วนการพัฒนาการทำงานและการวิวัฒนาการของสิ่งต่างๆเหล่านี้เองนำมาซึ่งการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆซึ่งทำให้งานศิลปะและการสร้างสรรค์ของมนุษย์มีการเติบโตอย่างมาก 

มนุษย์มีการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างทางสังคมหรือสิ่งมีชีวิต เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่มนุษย์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในรูปแบบของงานศิลปะ มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้การนำเสนอโครงสร้างคุณสมบัติและแม้แต่การนำเสนอในปัจจุบันที่ต้องใช้มนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีวิวัฒนาการหรือบันทึกเรื่องราวเหล่านี้

เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และเก่าแก่ที่สุดในการค้นพบเรื่องราวเครื่องเคลือบและเครื่องใช้ต่างๆที่พบโดยเฉพาะในยุคหิน หรือแม้แต่เครื่องทองสัมฤทธิ์กระดูกของสัตว์ต่าง ๆ ก็คิดเขียนและตกแต่งลวดลายสวยงามรวมทั้งผนังถ้ำงานศิลปะต่าง ๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    เว็บหวยออนไลน์อันดับ1

จุดเริ่มต้นและการส่งต่อทางด้านวัฒนธรรม 

จุดเริ่มต้นของการส่งต่อ คือวัฒนธรรมต่างๆมาถึงจุดที่มีความต้องการ ในการส่งต่อหรือถ่ายทอดวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นการรุกรานสถานที่อื่นดินแดนอื่นหรือแม้แต่จนความเชื่อต่างๆที่ถูกถ่ายทอดมาทางด้านสังคมวัฒนธรรมหรือแม้แต่จะเป็นศาสนาต่างๆก็ค่อนข้างมีบทบาทอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงระดับ หรือแม้แต่จะเป็นการพัฒนาทางด้านความคิดต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆที่เพิ่มขึ้น

นี้ส่งผลให้ผู้คนในยุคปัจจุบัน

มีการเรียนรู้และข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ให้ขึ้นนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่รูปแบบหรือแม้แต่จะเป็นเนื้อหาความเชื่อต่างๆทางความคิดต่างๆที่ถูกสืบค้นขึ้นมาได้สะท้อนให้เห็นถึงว่าผู้คนส่วนใหญ่มีการถ่ายทอดทางด้านวัฒนธรรมความเชื่อหรือความคิดตลอดเวลาโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันก็ยังมีการถ่ายทอดรูปแบบทางความเชื่อต่างๆเหล่านี้ งานศิลปะก็เช่นเดียวกันในงานศิลปะการถ่ายทอดรูปแบบต่างๆการเสพหรือแม้แต่จะเป็นการเข้าถึงหน้าจอภาพต่างๆและนำไปทำตามนี่คือการถ่ายทอดรูปแบบงานศิลปะอีก 1 รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด

หรือไม่จนความเชื่อต่างๆที่มีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องนี้ช่วยให้ผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงการพัฒนาโครงสร้างทางด้านวัฒนธรรมต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆเหล่านี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นจุดที่มีการส่งต่อธนาคารต่างๆได้มีการพัฒนาในการส่งต่อที่ดีมากขึ้นอย่างไรก็ตามนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่มีผลการเปลี่ยนแปล

และวัฒนธรรมต่างๆในการทำงานต่างๆค่อนข้างมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมในรูปแบบปัจจุบันที่มีการถ่ายทอดอยู่เสมอ

งานศิลปะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมในการทำงานหรือแม้จะเป็นโครงสร้างและการทำงานก็มีการพัฒนาและมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตามนี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบันจุดเริ่มต้นของการส่งต่อวัฒนธรรมคือความต้องการในการถ่ายทอดรูปแบบต่างๆทางความคิด หรือแม้แต่จะเป็นการนำเสนอรูปแบบของความคิดอยู่ตลอดเวลาอย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของการส่งต่อต่างๆเหล่านี้

หรือการพัฒนาโครงสร้างความคิดต่างๆเหล่านี้ก็ถูกพัฒนาและถูกส่งต่ออย่างต่อเนื่องเพราะในปัจจุบันรูปแบบทางความคิดต่างๆของผู้คนก็มีลักษณะที่ค่อนข้างดีมากยิ่งขึ้นลักษณะในการเรียนรู้วัฒนธรรมของวัฒนธรรมอื่นหรือศาสนาอื่นในยุคปัจจุบันก็มีความง่ายยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นในรูปแบบของการเข้าถึงข้อมูลความเชื่อต่างๆในยุคปัจจุบันมีรูปแบบที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบการเชื่อมต่อข้อมูลต่างๆที่มีการพัฒนาต่างๆเหล่านี้จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านความคิดและมีการเปิดกว้างที่เพิ่มมากขึ้นมองเห็นมุมมองที่ค่อนข้างหลากหลายการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและความเป็นอยู่ต่างๆที่มีการพัฒนาและมีการปรับเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ในยุคปัจจุบันการพัฒนาการเรียนรู้รูปแบบต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนไปถึงรูปแบบในการนำเสนอโครงสร้างงานต่างๆที่ในยุคปัจจุบันมีจุดเริ่มต้นมากมายในการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม 

 

 

สนับสนุนโดย  กริลแอร์

ความหมายของตำนานพื้นบ้าน  มีความแตกต่างจากนิทานพื้นบ้านอย่างไร 

           เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่สามารถแยกแยะออกได้ระหว่างนิทานพื้นบ้านกับตำนานพื้นบ้านนั้นมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรเพราะที่จริงแล้วมันค่อนข้างที่จะมีความเหมือนกันมากเลยทีเดียวอาจจะบอกได้ว่าบางตำนานนั้นเป็นตำนานเดียวกันกับนิทานพื้นบ้านเลยก็ว่าได้ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนคือนิทานพื้นบ้านหรืออันไหนคือตำนานพื้นบ้านนั่นเองโดยส่วนมากแล้วเมื่อได้ฟังเล่าต่อกันมาก็มักจะเหมาว่านั่นคือตำนานพื้นบ้านของไทย ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูถึงความแตกต่างว่าระหว่างนิทานพื้นบ้านกับตำนานพื้นบ้านนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

          หากพูดถึงในเรื่องของตำนานพื้นบ้านนั้น  สามารถที่จะบอกได้ว่ามันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ซึ่งเรื่องราวที่เล่าต่อๆกันมานี้นับว่าเป็นเรื่องราวที่มีการเล่ามาตั้งแต่ดั้งเดิมโดยมักจะพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของศาสนาหรือประวัติศาสตร์ของสถานที่นั้นๆ  บางอย่างสามารถมีเอกสารบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่สามารถตรวจสอบได้บางอย่างก็สามารถที่จะมีสถานที่ที่สามารถบอกได้ว่านี่คือร่องรอยของตำนานพื้นบ้านเหล่านั้น  

            โดยปกติแล้วหลักฐานต่างๆนั้นก็จะมีตามหมู่บ้านต่างๆซึ่งจะมีการแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านรวมถึงวัฒนธรรมของคนในหมู่บ้านและสังคมของคนในหมู่บ้านโดยจะออกมารูปแบบของประวัติที่ปู่ย่าตายายได้มีการเล่าต่อๆกันมาและได้ปฏิบัติยึดถือกันมานั่นเอง  อย่างไรก็ตามตำนานพื้นบ้านนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นตำนานที่มีนานแล้วแต่คนปัจจุบันก็ยังมีการปฏิบัติตามและมีความเชื่อตามที่ผู้ใหญ่ได้มีการสั่งสอนมาไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็จะมีการยึดถือและมีการเชื่อมกันแบบนั้นต่อๆกันมานั่นเอง

         ในขณะที่ถ้าเป็นนิทานพื้นบ้านนั้นจะแตกต่างจากตำนานพื้นบ้านมากเพราะนิทานพื้นบ้านนั้นจะเป็นเรื่องราวที่เล่าประกอบกันมาซึ่งเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบอัศจรรย์และไม่น่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงโดยปกติแล้วนิทานพื้นบ้านแทรกความบันเทิงความสนุกสนานและยังมีการสอดแทรกการสอนการใช้ชีวิต   มีการสอนเกี่ยวกับเรื่องของคติสอนใจและนำศิลปวัฒนธรรมของคนในพื้นที่นั้นๆมาผสมผสานให้เกิดมาเป็นนิทานเกิดขึ้น   

           จะเห็นได้ว่าสำหรับตำนานพื้นบ้านกับนิทานพื้นบ้านนั้นค่อนข้างที่จะมีความละม้ายคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมากซึ่งบางครั้งตำนานพื้นบ้านกับนิทานพื้นบ้านอาจจะเป็นเรื่องราวเรื่องเดียวกันก็เป็นไปได้   เราสามารถยกตัวอย่างตำนานพื้นบ้านที่คนไทยมักรู้จักกันเป็นอย่างดีได้ไม่ว่าจะเป็นตำนานของทุ่งกุลาร้องไห้หรือแม้แต่ตำนานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่รวมถึงตำนานท้าวแสนปมและตำนานพระนางเลือดขาวซึ่งตำนานเหล่านี้เป็นตำนานที่เคยเกิดขึ้นจริงและมีหลักฐานปรากฏที่สามารถตรวจสอบได้ด้วย

 

สนับสนุนโดย.    ซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดี