ตำนาน นนทกเกิดมาเป็นยักษ์ทศกัณฐ์

เมื่อสมัยจักรวาลได้ถูกแบ่งออกไปเป็นสามโลก โลกบาดาน โลกมนุษย์ และ โลกสวรรค์ โลกแห่งเทพเทวดาและศักดิ์ชั้นสูงผู้มีฤทธิ์ทั้งเป็นที่ตั้งแห่งเขาไกลราดอันได้เป็นแกนกลางของจักรวาลและยังได้เป็นที่ประทับของพระอินสวนเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามโลก แต่จะมีใครรูปว่าเรื่องราวอันยิ่งใหญ่นี้

ได้มีจุดกำเนิดมาจากยักษ์ผู้ที่ต่ำต้อยตนหนึ่งนามว่านนทกที่คอยก้มหมอบอยู่ที่เชิงบันไดเขาไกลราชทำหน้าที่ตักน้ำล้างเท้าให้เหล่าเทวดาที่ได้มาเข้าเฝ้าพระอินสวนนนทกผู้หน้าสงสารถูกเทวดาแกล้งถอนผลจนหัวโล้นจึงทำให้รู้สึกว่าน้อยใจหนักมันจึงได้ขึ้นไปร้องต่อหน้าพระอินสวนบรมเทพ

นอกจากนี้นนทกได้ขึ้นไปร้องขอนิ้วเพชรจากพระอินสวนจากนั้นนนทก็ได้ทำการใช้นิ้วทำการสังหารเหล่าเทวดาได้ล่มตายกันเต็มไปหมดจากนั้นจึงทำให้พระอินสวนได้มีอารมณ์โกรธเป็นอย่างมากจึงได้มีเทวบัญชาให้พระนารายณ์เทพผู้ดำรงธรรมได้เข้าไปทำการสังหารนนทกเสียจากนั้นพระนารายณ์จึงได้แปลงกายเป็นนางอัปสรที่สวยงามมารำต่อหน้านนทกจากนั้นยักษ์นนทก

เมื่อเขาได้รู้ว่าเสียทีให้แก่พระนารายณ์จึงได้กล่าวออกไปว่า “ใช่สิข้านั้นมีเพียงแค่สองมือไหนจะสู้ท่านผู้ที่มีสี่มือได้หากข้ามีฤทธิ์บ้างก็ย่อมชนะท่านได้แน่”จากนั้นพระนารายณ์ก็ได้กล่าวว่าหากเจ้าคิดว่าการที่มีพลังเหนือกว่าที่จะเอาชนะคนอื่นได้งั้นชาติหน้าเจ้าก็เกิดมาเป็นยักษ์มีสิบเศียรมีมือยี่สิบซ้ายขาวเหาะเดินบนอากาศมีฤทธิ์ที่เกียงไกรและตัวเราจะไปเป็นมนุษย์สองแขนสู้กับเจ้าให้เป็นที่ประจักรแก่ทั้งสามโลก

นอกจากนี้เมื่อลมหายใจสุดท้ายของนนทกได้สิ้นสุดลงจิตของมันก็ได้ลงมาเกิดที่โลกมนุษย์ทันไดบัดนี้นนทกได้กลับชาติมาเกิดเป็นท้าวทศกัณฐ์พยายักษ์เจ้านครเมืองกรุงลงกาด้วยมีถึงยี่สิบมือจึงได้มีพลังมหาสารยกได้แม้กระทั่งเขาไกลราชแกนกลางแห่งจักรวาลมีเศียรนับสิบฉลาดรู้รอบทุกสิ่งอย่างจดจำพระเวทได้

ทุกสิ่งอันสามารถที่จะถอดหัวใจออกจากร่างไม่มีผู้ใดที่จะฆ่าให้ตายได้ดูเหมือนว่าพญายักษ์ที่ไร้หัวใจแล้วเศียรทั้งสิบก็จะคิดวนแต่เรื่องกิเลสตัณหไม่รู้สิ้นเหล่าเทพเทวาก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ทัพยักษ์บัดนี้ก็ได้เข้าสู่สมัยที่เป็นอมานธรรมเริ่มเรืองอำนาจกลืนกินทั้งสามโลกแต่อย่างไรเสียความหวังในสันติยังคงมีอยู่

 

สนับสนุนโดย  entaplay online gambling

ความขัดแย้งของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตมี3ขั้วด้วยกัน

ในส่วนโลกของสหรัฐนั้นมันก็ได้มีทฤษฎีอยู่อย่างหนึ่งพวกเขามักคิดที่จะเชื่อในทฤษษฎีโดมิโน ซึ่งทฤษฎีโดมิโนมันได้หมายความว่าถ้าหากว่าเราได้ปล่อยให้โดมิโดตัวแรกนั้นได้ล้มลงไป นั่นมันก็จะหมายความว่าหากเราได้ยอมให้ประเทศหนึ่งได้กลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปลัทธิของคอมมิวนิสต์มันก็จะแพร่ขยายไปอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนั้นเหมือนกับการที่เราได้ผลักโดมิโนในประเทศข้างเคียงกันให้มันได้ล้มต่อๆกันไปจนมันได้กลายมาเป็นคอมมิวนิสต์กันหมดอันนี้มันเป็นทฤษฎีโดมิโน

ส่วนอุดมการของฝั่งคอมมิวนิสต์ถ้าเผื่อว่าจะให้สำเร็จไปตามทฤษฎีของคอมมิวนิสต์จริงๆแล้วมันก็จะต้องทำลายชนชั้นนายทุนให้หมดไปโดยสิ้นเชิง

หมายความว่าก็จะต้องเปลี่ยนให้ทุกประเทศในโลกเป็นประเทศคอมมิวนิสต์เสียก่อนนั่นมันคือเรื่องของสงครามเย็นและสงครามตัวแทน

แต่ทว่าสงครามตัวเองในเอเชียนี้โดยเฉพาะแล้วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันไม่ได้เหมือนกับสงครามตัวแทนอื่นๆในโลกไม่เหมือนในยุโรป 

ซึ่งได้มีการแบ่งเยอรมันตะวันออกกับเยอรมันตะวันตกหรือในแบ่งของอเมริกาใต้ที่ได้มีการขั้วของการขัดแย้งคืออิทธิพลของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็จะมีความซับซ้อนมากกว่านั้นเพราะว่าดันมีถึง3ขั้วอำนาจด้วยกัน โซเวียตไปทะเลาะกับกับจีนหลายคนอาจะงง 

เพราะว่าเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนกันไม่ใช่เหรอจะมาทะเลาะกันได้อย่างไร

ในราวปี1950-1960 ที่สงครามเย็นกระจายออกไปทั่วโลกจีนและสหภาพโซเวียตก็ได้ตัดความสัมพันธ์กันทั้งๆที่ได้เป็นประเทศคอมมิวนิสต์เหมือนกันซึ่งเราได้เรียกเหตุการณ์ตรงนี้ว่า Sino-Soviet split 

เหตุการณ์แยกวงนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณปี1956 ในตอนนั้นโจเซฟสตาลิน ผู้นำสูงสุดของโซเวียตเสียชีวิตลงและก้ได้มีผู้นำคนใหม่ นายนิกิต้า ครุชชอฟ ได้ขึ้นมาแทน

ซึ่ง นายนิกิต้า ครุชชอฟ ก็ได้มีไอเดียใหม่ๆที่ไม่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเป็นคอมมิวนิสต์ในแบบเดิมที่ได้เป็นลัทธิบูชาตัวบุคคลเพราะก่อนหน้านี้ในยุคของสตาลิน โซเวียตก็ไม่สามารถที่จะไปถึงฝั่งฝันของการที่จะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ตามทฤษฎีได้จริงๆเช่นเดียวกันกับประเทศคอมมิวนิสต์ทั้งหลายในโลก

สุดท้ายแล้วสตาลินก็กลายมาเป็นเผด็จการที่ได้มีการยกตัวเองนั้นได้เป็นผู้นำสูงสุดบังคับให้ทุกคนนั้นต้องเชื่อฟังเพื่อที่ชาติเรานั้นจะได้รอกพ้นจากภัยจักรวรรดินิยมของอเมริกาจึงได้ทำให้โซเวียตของในยุคสตาลินทำให้ประชาชนต้องเผชิญกับความอดอยากยากจนได้มีการกำจัดศัตรูทางการเมืองที่หนักหน่วงมีการสังหารหมู่มีนักโทษเต็มไปหมดทั้งในคุกและค่ายที่ได้ใช้แรงงานในไซบีเรียเป็นการปกครองที่โหดเหี้ยมกดหัวประชาชนไม่ต่างอะไรที่เป็นเผด็จการเฉยๆเลย

 

สนับสนุนโดย  entaplay เครดิต ฟรี

การปฏิวัติของฝรั่งเศส

เมื่อได้พูดถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสคุณจะนึกถึงอะไรบ้าง ซึ่งหลายคนก็อาจจะเห็นภาพ กีโยติน เคร่องประหารที่ได้ตั้งใจผลิตขึ้นมาเพื่อความเสมอภาคหรือ พระนางมารี อังตัวเน็ต ราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่16ที่เค้าได้เม้ามอยกันว่ามีประโยคที่โด่งดังตลอดกาลของนางก็คือ “Let them eat cake” หรือไม่มีขนมปังก็ทำไมไม่กินเค้กกันล่ะ

ซึ่งมันก็ไม่ได้มีหลักฐานใดๆตรงไหนเลยที่จะบ่งบอกว่านางพูดแบบนั้นจริงๆหรือบางคนก็อาจจะนึกถึง Do You Hear The People Sing เพลงดังจากละคร เรื่องLes Miserables ซึ่งอันที่จริงเหตุการณ์ที่ละครพูดถึงได้เป็นการลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลที่ได้เกิดขึ้นในภายหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสถึง43ปีเลยทั้งนี้ยังได้มีการเข้าใจผิดกันเยอะว่าการปฏิวัติของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1789 ที่ได้มีการล้มราช วงศ์บูร์บอง

แล้วฝรั่งเศสก็ปกครองในระบอบ สาธารณรัฐมาจนถึงปัจจุบันอันที่จริงแล้วหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสปี1789 ทางฝรั่งเศสก็เข้าๆออกๆระหว่างระบอมสมบูรณาญาสิทธิราชย์ระบอบเผด็จการทหารและระบอบสาธารณรัฐอยู่หลายรอบกว่าที่จะเป็นสาธารณรัฐ โดยสมบูรณ์และมั่นคงก็82ปีหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสอันโด่งดังที่เรารู้จักกัน

วันนี้เราจะมาดูกันว่าหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสที่เริ่มจากการบุกถล่มคุกบาสตีลล์ ในวันที่14กรกฎาคม 1789 แล้วเรื่องราวใน82ปีต่อมาเกิดอะไรขึ้นบ้างการปฏิวัติของฝรั่งเศสก็ได้เริ่มขึ้นมาอย่างเป็นทางการ ในวันที่14กรกฎาคม 1789 โดยได้ใช้หมุดหมายการถล่มคุกบาสตีลล์ของประชาชนชาวปารีสเป็นสัญลักษณ์แต่ความไม่พอใจต่อกษัตริย์ขุนนางและระบบการปกครองนั้นได้คุกรุ่นมาก่อนหน้านั้นพอสมควรแล้วทั้งนี้เรื่องที่ สำคัญที่สุดคือเรื่องของปากท้อง เศรษฐกิจ

และ การเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรมเศรษฐกิจของฝรั่งเศสเริ่มตกต่ำมาตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่15และที่ปรึกษาทางการคลังของพระเจ้าหลุยส์ที่15โด่งดังมาในความสามารถที่จะเก็บภาษีได้แบบมีประสิทธิภาพสุดๆภาษีไม่มีกระเด็นกลุ่มคนที่ถูกเก็บภาษียิบย่อยและเก็บแบบดุมากที่สุดก็คือประชาชนชั้นล้าง ชาวนาและผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย

ส่วนเหล่าฐานันดรที่1กคือ ศาสนจักรและฐานันดรที่2คือขุนนางแทบไม่ต้องเสียภาษีกันเลยนอกจากนี้ชนชั้นใหม่คือชาวบ้านที่ค้าขายจนเป็นคนเป็นเศรษฐีใหม่หรือนิวมันนี่ที่เรียกว่าพวก บูร์ชวาส์ก็มักจะหาทางซิกแซ็กหลีกเลี่ยงภาษีได้เหมือนกัน สรุปว่าชาวบ้านชาวนาฝรั่งเศสทำงานเลี้ยงเจ้าและขุนนางตั้งแต่เกิดตายนั่นล่ะพอเข้าพระเจ้ารัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่16สถานการณ์ก็สุกงอมพอดี

เพราะนอกจากจะเสียภาษีกันจนแทบไม่มีกินแล้วยังเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงติดต่อกันหลายปีข้าวสาลีที่ใช้ทำขนมปังก็ขาดแคลนเมื่อไม่มีขนมปังและประชาชนโกรธแค้นก็เลยเป็นที่มาของ “ไม่มีขนมปังก็กินเค้กสิ”

 

สนับสนุนโดย  entaplayทางเข้า

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบุกชิงเมืองนานกิง

สำหรับเรื่องนี้จะเป็นสาระที่เกี่ยวกับต่างประเทศสักเล็กน้อยเป็นโศกนาฏกรรมที่ถูกบันทึกไว้ในจารึกประวัติศาสตร์โลกเลยว่าความโหดร้ายแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆมันมีความรุนแรงและโหดร้ายและได้มีความโหดเฮียมกว่าข่ายกักกันที่ข่ายนาซีเสียอีกเป็นเรื่องเกี่ยวกับในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเป็นเรื่องของเหตุการณ์ในอดีตที่ประเทศญี่ปุ่นได้บุกเข้าโจมตีประเทศจีน

สงครามโลกก็ต้องรบฆ่าฟันกันมันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ทำไมเหตุการณ์นี้ถึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษนี่ ได้เป็นเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นได้บุกเข้าโจมตี เมืองนานกิง ไม่เพียงแต่รบลาฆ่าฟันเพื่อตีชิงเมืองแต่สิ่งที่ชาวจีนนั้นรับไม่ได้นั่นก็คือ ฆ่าข่มขืนหญิงทุกเพศทุกวัยเหตุการณ์ครั้งนี้หลายๆ คนอาจจะรู้จักกันดีว่านี่คือโศกนาฏกรรมนานกิง

ได้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์นองเลือดที่โหดร้ายที่ได้เกิดขึ้นมาในอดีตของเราเลยก็ได้หลายๆคนอาจจะยังไม่คุ้นหูในชื่อของเมืองนานกิงสักเท่าไหร่ แต่ว่าเมืองนานกิงนั่นมันเคยเป็นเมืองหลวงในประเทศจีนมาก่อนในประวัติศาสตร์นี้ว่ากันว่า เหตุการณ์สังหารหมู่นานกิงนี้ได้มีชาวนานกิงที่ได้เสียชีวิตประมาณ250,000-300,000คนกันเลยทีเดียว

ซึ่งหนึ่งในจำนวนของผู้เสียชีวิตที่มากนั้นคือผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ใหญ่วัยรุ่นคนแก่ล้วนถูกฆ่าข่มขืนทั้งหมด ซึ่งวันนี้เราก็จะมาย้อนรอยในประวัติศาสตร์ที่ได้เกิดขึ้นมาจริงๆบนโลกของเรา เรื่องราวได้เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมในปี2480 หลังจากที่ก่อทัพญี่ปุ่นได้เข้ายึดเมืองเซียงไฮ้ได้ไม่นานก็เริ่มที่จะขยายอำนาจอาณาเขตไปยังเมืองหลวงของจีนในสมัยนั้นนั่นก็คือ เมืองนานกิงนั่นเอง

ก่อนที่จะเข้าเมืองนานกิงทหารญี่ปุ่นได้บุกเข้าโจมตี เมืองซูโจวและได้สังหารประชากรภายวในเมืองราวเกือบ3.5แสนคนได้ฆ่าทิ้งทั้งหมดเมืองแห่งนี้ก็ได้เหลือคนเพียงแค่500คนเท่านั้นเอง จากการสังหารของทหารญี่ปุ่นจนกระทั่งรุ่งเช้าของวันที่13ธันวาคมทหารญี่ปุ่นได้บุกเข้าโจมตีเมืองนานกิง

โดยใช้เวลาเข้าบุกโจมตีเมืองนานกิงเพียงแค่สี่วันเท่านั้นแต่มันไม่ใช่เหตุการณ์สังหารหมู่เหมือนกับเมืองอื่นๆมิเช่นนั้นแล้วเหตุการณ์เมืองนานกิงจะไม่เป็นที่จดจำหากทหารญี่ปุ่นไม่ทำสิ่งนี้หลังจากที่บุกเข้ายึดเมืองนานกิงได้แล้วกองทัพญี่ปุ่นก็เริ่มฆ่าชาวจีนอย่างโหดเฮียมโดยที่ไม่ได้มีความปราณีใดๆเลยบางรายถูกฆ่าหั่นศพและได้นำเอาศพไปให้สุนัขกิน

บางรายโดยทรมานหลากหลายวิธีมากๆเลยแต่วิธีที่โหดร้ายอีกวิธีหนึ่งนั่นก็คือทหารญี่ปุ่นจะผูกชาวนานกิงเอาไว้กับแผ่นไม้กระดานแล้วนำเอาแผ่นไม้กระดานนี้วางเรียงกันเอาไว้ที่พื้นเป็นจำนวนมากแล้วให้รถถังวิ่งทับที่ละร่างๆไปจนเสียชีวิต

 

สนับสนุนโดย  next88 esports

ตำนานผีถ้วยแก้ว

สำหรับเรื่องของผีถ้วยแก้วนั้นได้มีเด็กอยู่กลุ่มหนึ่งที่พวกเขาไม่เชื่อในเรื่องของลี้ลับเด็กกลุ่มนี้เขาก็พยายามที่จะลองของเพื่อที่จะหาสิ่งลี้ลับไม่ว่าจะเป็นกลางป่าช้าการทำลายศาลหรือในการพูดลบหลู่ในพื้นที่ต่างๆเด็กพวกนั้นเขาก็ไม่เคยเจอของดีอะไรเลยแต่มีอยู่วันหนึ่งเขาก็ได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับผีถ้วยแก้วเด็กเหล่านั้น

เขาก็เลยคิดที่อยากจะลองของจากนั้นเด็กกลุ่มนี้เขาก็ได้นำเอาผีถ้วยแก้วนำเอาไปลองเล่นที่กลางป่าช้าเพราะเขาได้บอกเอาไว้ว่าถ้าหากเล่นผี่ถ้วยแก้วกลางป่าช้าจะสามารถพบเจอผีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมันง่ายมากๆ ซึ่งกลุ่มเด็กเหล่านั้นได้นำเอาผีถ้วยแก้วเข้าไปในป่าช้าในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปก็ได้มีเด็กคนหนึ่งเขาได้พูดไปในระหว่างทางและได้พูดท้าทายอยู่ตลอดเวลาว่า “ถ้าพวกมึงมีอยู่จริงพวกมึงออกมาให้กูเห็นเลยกูไม่เชื่อหรอกว่าพวกมึงมีอยู่จริงถ้ามึงแน่มึงออกมาเลย”

พอหลังจากที่สิ้นสุดคำท้าทายนั้นแล้ว สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือในขณะที่พวกเขาเดินในตอนแรกมันไม่มีลมและก็ไม่มีอากาศถ่ายเทเลยต้นไม้นิ่งสนิทแต่พอเด็กคนนั้นได้พูดเสร็จแล้วกลับกลายเป็นว่าได้มีลมพัดเข้ามาทำให้ใบไม้ต้นไม้สั่นกันในระดับหนึ่งอีกทั้งยังได้มีเสียงของหมาหอนอยู่ตลอดเวลาและหลังจากที่เด็กคนนี้ได้มีการตะโกนออกไปพวกเขาก็ได้เริ่มเล่นผีถ้วยแก้ว

ปรากฏว่าในขณะที่พวกเขากำลังเล่นไปมันก็ไม่ได้มีอาการเคลื่อนของแก้วแต่อย่างใดจนทำให้พวกเขาหงุดหงิดและไม่พอใจสรุปแล้วการเล่นไหนมันจะสามารถทำให้ได้เจอผีได้บ้างเขาก็เลยทำการาตะโกนออกมารอบที่สองได้ท้าทายแรงกว่ารอบแรกอีกและในครั้งนี้มันไม่ได้เหมือนกับรอบแรกเพราะว่าในครั้งนี้หลังจากที่พวกเขาได้ตะโกนไป

ปรากฏว่าแก้วที่พวกเขาทั้งสามสี่คนได้เล่นผีถ้วยแก้วกันอยู่มันก็เกิดอาการวนรอบกระดานอย่างรุนแรงแบบที่ไม่มีทิศทาง ซึ่งเด็กทั้งสี่คนนั้นเขาก็ได้หันมาถามกันว่ามันได้มีใครดันแก้วหรือเปล่าปรากฏว่าไม่มีใครดันแก้วเลยเพราะทุกคนได้ปล่อยนิ้วจิ้มลงไปเบาๆ โดยที่ไม่ได้มีการออกแรงเลยแม้แต่นิดเดียวเลย

ซึ่งตอนนั้นหลายๆคนก็เริ่มแปลกใจและเขาก็คือว่ามันอาจจะเป็นปรากฏการอะไรก็เป็นได้เขาก็ยังไม่เชื่อกันอยู่ดีจนสุดท้ายแล้วเด็กคนที่ได้ตะโกนท้าทายรอบบแรกกับรอบสองเขาก็ได้ตะโกนขึ้นมาอีกรอบหนึ่งและครั้งนี้ได้มีเหตุการแปลกเกิดขึ้นถึงขั้นที่ว่าแก้วที่มันได้วนๆอยู่บนกระดานนั้นอยู่ดีๆมันก็ได้แตกกระจายจนทำให้เศษแก้วกระเด็นเข้ามาปักที่แขนของคนนั้นและได้เป็นบาดแผลขนาดใหญ่

 

ขอขอบคุณ  entaplay  ที่ให้การสนับสนุน

ตำนานถ้ำพระนาง 

สถานที่เที่ยวอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ซึ่งก็คือพระนางซึ่งเป็นสถานที่ที่อีกทั้งชาวบ้านแล้วก็นักเดินทางต่างพากันกราบไหว้บูชาแล้วก็ขอพรโดยตรงนี้ประชาชนมักจะนำปลัดขิกไปถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รอบๆชายหาดถ้ำพระนาง

เนื่องจากมีความเชื่อกันว่ามีวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งสถิตอยู่ในถ้ำที่นี้ชาวบ้านให้มีการตั้งศาลเพียงตาไว้เพื่อให้หญิงสาวคนนั้นได้อยู่ที่ศาลเพียงตาที่นี้คอยช่วยเหลือคุ้มครองปกป้องรักษาชาวบ้านในจังหวัดกระบี่

ซึ่งถ้าหากว่าชาวบ้านคนใดที่จะมีการออกเรือไปหาปลาและจากนั้นก็มาขอพรที่ศาลเพียงตาที่นี้เพื่อขอให้ตัวเองนั้นแคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายและก็กลับมาบ้านได้โดยสวัสดิภาพสำหรับข่าวถ้ำผานางนั้นจะอยู่ตรงรอบๆชายหาดไร่เลย์ซึ่งที่ชายหาดที่นี้ถือได้ว่าสถานที่เที่ยวที่นักเดินทางที่ชอบความสงบเงียบจะมาท่องเที่ยวกันที่นี่

เนื่องมาจากน้ำทะเลจะใสและก็มีความเงียบสงบแล้วยังมีสารศักดิ์สิทธิ์ให้นักเดินทางนั้นมากราบไหว้ขอพรอีกด้วยสำหรับเรื่องราวความรักของตำนานถ้ำนางที่นี้เกิดขึ้นโดยมีตำนานเล่ากันต่อต่อกันมาว่าเมื่อหลายพันปีมาแล้วมีสามีภรรยาคู่หนึ่งสมรสอยู่กินร่วมกันมานานนับเป็นเวลาหลายปี

แต่ว่าทั้งสองนั้นก็ไม่มีลูกทั้งสองก็เลยได้ไปกระทำการวิงวอน ลูกจากทางพญานาค แล้วก็เมื่อพญานาคตกลงตัดสินใจที่จะมอบลูกให้โดยจะมอบเป็นบุตรหญิงให้และก็มีเงื่อนไขว่าเมื่อหญิงสาวคนมีชื่อเสียงกล่าวโตขึ้นมาจำเป็นจะต้องมาสมรสกับลูกของพญานาคซึ่งเป็นเพศชายซึ่งสองผัวเมียนั้นก็ตกลง

แต่ว่าแล้วเมื่อหญิงสาวคนมีชื่อเสียงดังกล่าวโตขึ้นมาเธอกลับไม่ยินยอมสมรสกับลูกของพญานาคเธอกลับไปพบรักกับคนอื่นๆและก็สมรสกับบุคคลอื่นทำให้พญานาคโมโหอย่างมากที่หญิงสาวไม่รักษาข้อตกลงก็เลยได้ขึ้นมาจากเมืองบาดาลรวมทั้งทำลายพิธีสมรส

ซึ่งสถานะการณ์ในตอนนั้นทำให้พระฤาษีตนหนึ่งที่บำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำจำเป็นต้องออกมาพูดจาห้ามปรามแต่ว่าทั้งยังฝ่ายที่เป็นมนุษย์กับฝ่ายที่เป็นพญานาคนั้นไม่มีผู้ใดฟังคำห้ามของฤาษีเลยทำให้พระฤาษีนั้นได้ๆคาถาสาปให้ทุกคนที่อยู่ในเรื่องราวในตอนนั้นเป็นหินทั้งสิ้น

รวมทั้งสาปเรือนหอของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นถ้ำซึ่งถัดมาท่านที่ผลิตสีสาปซึ่งก็คือถ้ำพระนางนั้นเองสำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของธนาคารนั้นมีการกล่าวขานมาจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแถวนั้นว่าเคยมีคนหาปลาได้ไปหลบฝนอยู่ในถ้ำดังที่กล่าวถึงแล้วแล้วพบเจอวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งวนเวียนอยู่ด้านในถ้ำ

ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าวิญญาณหญิงสาวคนนั้นเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่เคยไม่ทำตามสัญญากับพญานาคนั่นเองด้วยเหตุนี้ชาวบ้านก็เลยได้พากันตั้งศาลเพียงตาขึ้นมาเพื่อเป็นที่สิงสถิตย์ของวิญญาณของหญิงสาว

 

สนับสนุนโดย  betbb

ตำนานคำสาปสุสานของฟาโรห์

เมื่อช่วงเวลาหลายร้อยปีก่อนหน้านั้น เคยมีผู้ที่ไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องของคำสาป ได้เข้าไปท้าทายเนื้อความที่ได้มีการเขียนไว้ในสุสานของฟาโรห์ Tutankhamun ซึ่งเป็นฟาโรห์องค์ที่สิบสองของอียีปห์โบราณ และก็เนื้อความที่เขียนเอาไว้ว่าเป็นคำสาปในสุสานของ ฟาโรห์ Tutankhamun มีใจความที่แปลได้ทำนองว่า

ถ้าหากผู้ใดก็ตามที่มาข้องเกี่ยวแล้วก็ทำให้หลุมฝังศพที่นี้ไม่สุขสงบแล้วละก็มันผู้นั้นต้องมีอันเป็นไป และก็แน่ๆผู้ที่เข้าไปภายในสุสานของ ฟาโรห์ Tutankhamun และก็ไปยุ่งกับทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ Tutankhamun ก็มักจะเสียชีวิต อย่างปริศนา สำหรับประวัติความเป็นมาขององค์ฟาโรห์ Tutankhamun นั้นพระองค์สิ้นพระชนในวัยแค่เพียง สิบแปดชันษาเพียงแค่นั้น

รวมทั้งเมื่อองค์ฟาโรห์ Tutankhamun สิ้นพระชน พระองค์ก็ถูกพระญาติที่ต่อมาได้เป็นกษัตรต่อจากพระองค์ ได้กระทำการลบชื่อออกมาจากของฟาโรห์ Tutankhamun ออก จากทำเนียบการเป็นกษัตร ซึ่งนั้นเองที่เป็นสาเหตุว่าเพราะเหตุใดถึงไม่มีนักประวัติศาสตร์คนไหน รู้จักความเป็นมาของพระองค์เลย จวบจนกระทั่งช่วงวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน ปี คริสต์ศักราช 1922

คณะขุดทองคำคนประเทศอังกฤษก็ได้พากันลักลอบเข้าไปขุดหาทองคำและก็หาทรัพย์สมบัติในสุสานดังที่กล่าวมาแล้วซึ่งสุสานที่นี้มีอายุโบราณมากยิ่งกว่าสามพันปีมาแล้ว แล้วก็มีเรื่องมีราวเล่าออกมาว่านักขุดทองคำทั้งสิ้นที่ลักลอบเข้าไปหาทรัพย์สมบัติในสุสานของฟาโรห์ Tutankhamun นั้นต่างก็จะต้องมาสังเวยชีวิตให้กับสุสานของฟาโรห์ Tutankhamun ร่วมกันทุกคนซึ่งแต่ละคนนั้นก็มีเรื่องมีราวราวชวนหัวลุกไม่เหมือนกันออกไป

รวมทั้งครั้งใดก็ตามสุสานขององค์ฟาโรห์ Tutankhamun ถูกคนเข้าไปก่อกวนเมื่อใดก็ตามก็มักจะมีคนจำเป็นต้องเสียชีวิตต่อคำสาปลี้ลับนี้ทุกหนไป แล้วก็นับจากนักโบราณคดีศึกษาค้นพบสุสานของฟาโรห์ Tutankhamun ที่นี้ รวมทั้งมีการเข้าไปตรวจด้านในของสุสานนั้นก็ปรากฏว่ามีผู้ที่จำต้องเสียชีวิตเพราะเหตุว่าสุสานฟาโรห์ Tutankhamun ที่นี้ไปแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบคนมาแล้ว แล้วก็เพราะว่าที่สุสานที่นี้มีคำสาปที่มีอาถัณฑ์นั่นเอง

ทำให้องค์ฟาโรห์ Tutankhamun นั้น ยังคงได้พักในสุสานที่นี้อย่างเงียบๆบ่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้เนื่องจากว่าคำสาปนี้เปรียบได้ดั่งกับเป็นเกาะคุ้มครองไม่ให้ไม่ว่าใครก็ตามที่คาดหวังต้องการจะได้ทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ Tutankhamun ไม่สามารถที่จะเข้าไปก่อกวนพระองค์ได้นั่นเอง

สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับสุสานขององค์ฟาร์โรห์ของอียิปห์นั้น มีนักโบราณคดีวิทยา ศึกษาและทำการค้นพบสุสานเยอะแยะหลายสุสานร่วมกัน แล้วก็ทุกสุสานก็ชอบมีคำสาปที่เอาไว้สาปแช่งผู้ที่เข้าไปรื้อถอนค้นทำลายความสงบเงียบภายในสุสาน

 

สนับสนุนโดย  betbb

ตำนานคำสาปของฟาโรห์ ตูตานคำมูน

         สำหรับใครที่เคยอ่าน นวนิยาย คงเคยอ่านเกี่ยวกับคำสาปของฟาโรห์ หรือคำสาปของชาวอียิปห์โบราณกันมาบ้าง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของคำสาปนี้ มีความเชื่อกันอย่างมากแม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ตาม เพราะเวลาที่นักโบราณศาสตร์ได้ไปค้นพบเกี่ยวกับสุสานโบราณของอียิปห์แล้วล่ะก็ส่วนใหญ่ก็จะมีการพูดถึงเกี่ยวกับ คำสาปของฟาโรห์ที่ประจำสุสานกันทั้งนั้น

เพราะเราต่างก็รู้กันดีว่าปกติแล้ว เวลาที่ฟาโรห์ในสมัยก่อนนั้นสร้างสุสานจะต้องมีการทำพิธีสาปแช่งเอาไว้ด้วยเพื่อป้องกันคนเข้ามานำสมบัติในสุสานออกไป เพราะปกติแล้วการสร้างสุสานของฟาโรห์ในสมัยโบราณนั้น นอกจากที่จะมีการนำร่างของฟาโรห์มาทำการสร้างเป็นมัมมี่รอการฟื้นคืนชีพแล้ว จะยังมีการนำทรัพย์สมบัติเข้ามาฝังรวมกันไว้ในสุสานด้วย

เพราะคนในสมัยโบราณมีความเชื่อที่ว่า หากมัมมี่นั้นฟื้นคืนชีพแล้วจะได้มีทรัพย์สมบัติเอาไว้ใช้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีการขุดเจอสุสานของประเทศอียิปห์เราก็มักจะพบว่ามีสมบัติมากมายอยู่ในสุสานนั้นด้วยและนอกเหนือจากสมบัติกับมัมมี่ของฟาโรห์แล้วเราจะพบป้ายคำสาปแช่งระบุเอาไว้ด้วยเช่นกัน  มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคำสาปของฟาโรห์องค์หนึ่งที่มีชื่อว่า ฟาโรห์ ตูตานคำมูน

ซึ่งมีการค้นพบข้อมูลของพระองค์เมื่อประมาณวันที่ 4 เดือน พ.ย. ปี ค.ศ. 1922 โดยค้นที่ค้นพบข้อมูลและสุสานขององค์ฟาโรห์ ตูตานคำมูนนั้น เป็นพวกขุดหาทองชาวอังกฤษ  ซึ่งในตอนนั้นด้วยความบังเอิญพวกเขาไปขุดเจอกับสุสานของฟาโรห์ ตูตานคำมูน และเมื่อเข้าไปในสุสานได้พวกเขาก็หวังที่จะเอาทรัพย์สมบัติที่อยู่ในสุสานออกมา

แต่ว่ากันว่าไม่ว่าจะมีนักขุดทองกี่คนต่อกี่คนที่เข้าไปในสุสานเพื่อหวังเอาสิ่งของมีค่าออกมาก็ตามแต่ พวกเขาแค่เพียงเข้าไปเท่านั้น แต่ไม่เคยมีใครสามารถกลับออกมาได้เลย  ว่ากันว่ามีจำนวนนักขุดทองที่ต้องมาสังเวยชีวิตของตัวเองจากการที่อยากจะได้สมบัติของสุสานของฟาโรห์ ตูตานคำมูนกันมาแล้วมากกว่ายี่สิบคนด้วยกัน ซึ่งจากประวัติความน่ากลัวของคำสาปนี้เอง

จึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสุสานของ ฟาโรห์ ตูตานคำมูน กันอีก และจากการที่นักโบราณคดี ได้ไปค้นหาประวัติของฟาโรห์ ตูตานคำมูนนั้นปรากฏว่า พระองค์เป็นฟาโรห์ ที่ครองราชย์เพียงแค่อายุ 18 ปีก็ทรงสิ้นพระชนเสียแล้วแต่ไม่ได้มีการระบุว่าพระองค์สิ้นพระชนเพราะอะไร เนื่องจากประวัติของพระองค์นั้นถูกลบทิ้งจากข้อมูลของฟาโรห์หลังจากที่ฟาโรห์องค์ต่อมาขึ้นครองราชย์แทน

 

สนับสนุนโดย  rb88 สล็อต

ซากปริศนาที่ได้ถูกพบโดยบังเอิญ

ผลจากนิวเคลียร์

สื่อท้องถิ่นของเมืองซัสซโนวีบัวร์ในประเทศรัสเซียได้เผยภาพซากมัมมี่ของสิ่งมีชีวิตปริศนา ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างแปลกโดยได้มีกะโหลกศรีษะที่ยาวที่เท้ามีกรงเล็บและไม่มีคอทำให้หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้อาจเป็นซากของมนุษย์ต่างดาว ซากปริศนาดังกล่าวได้ถูกพบโดยชาวบ้านสองคนที่บริเวณชายฝั่งริมแม่น้ำคอฟวาชิผลจากการตรวจสสอบที่สถานบันชีวกลศาสตร์แห่งรัสนายาสก์ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าสิ่งนี้คืออะไรจึงได้มีการสันนิษฐานว่ามันอาจจะเป็นซากของสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์ เนื่องจากตำแหน่งที่พบนั้นได้อยุ่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เลนินกรัดที่เคยเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง

มัมมี่แมวป่า

ว่ากันว่าซากมัมมี่ของสิ่งที่มีชีวิตนี้ได้ถูกพบโดยช่างทำกุญแจชาวตุรกี ซึ่งได้บังเอิญเจอในห้องปิดตายที่ชั้นใต้ดินของบ้านเขา เมื่อเดือนกุมภาพันธุ์ปี2016 ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนีเด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่ไม่สามารถระบุได้เลยว่าสิ่งนี้เป็นกระดูกของสัตว์ชนิดใดแต่เชื่อว่าน่าจะเป็นของสัตว์ล่าเนื้อที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วโดยอารยธรรมบริเวณนั้นอาจจะรู้วิธีการทำมัมมี่

ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงยุคศตวรรษที่10ถึงศตวรรษที่13และด้วยความยาวของลำตัวนั้นซากเหล่านี้ที่ได้พบมันได้มีความยาวประมาณ1เมตร ซึ่งมันน่าจะเป็นแนวป่าขนาดใหญ่สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งแต่ทว่าไม่น่าจะเป็นสายพันธุ์ที่มีอยู่ในยุคปัจจุบันถ้าหากว่าทำการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีรวมถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอคาดว่ามันน่าจะสามารถระบุได้ว่า สิ่งมีชีวิตปริศนานี้ที่แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่

ซากปริศนาที่รัสเซีย

เมื่อเดือนสิงหาคมปี2016หนังสือพิมพ์ ไซบีเรียน ไทมส์ ได้มีรายงานว่าในขณะที่คนงานกำลังขุดทรายในเมืองเพชรที่ได้ตั้งอยู่ในเมืองอูแดชนีประเทศรัสเซียก็ได้พบเข้ากับซากของสัตว์ปริศนา ซึ่งคนงานต่างก็ได้เชื่อกันว่า ซากมัมมี่นี้ อาจจะเป็นซากของไดโนเสาร์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่เหมืองไซบีเรียนแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี1974โดยใช้ระเบิดปรมาณูขนาด1.7กิโลตันสร้างหลุมที่ลึก98เมตร

ซึ่งในการระเบิดมันจึงทำให้พบชั้นทรายในยุคมีโซโซอิกที่อยู่ในช่วงประมาณจาก252ถึง65ล้านปีก่อนแต่อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ซากสิ่งมีชีวิตนี้มันอาจจะเป็นสัตว์ที่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมของยุคปัจจุบันอย่าเช่น เซเบิล หรือ มาร์เทิน เท่านั้น แต่ถ้าหากว่ามันได้เป็นสัตว์ของยุคในปัจจุบันจริงๆแล้วเหตุใดมันจึงได้ถูกฝังอยู่ในชั้นทรายที่ลึกเช่นนั้นได้ซึ่งมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่มันได้ถูกพบโดยบังเอิญ

 

สนับสนุนโดย  entaplay มือถือ

ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในป่าลึกลับที่ปฎิเสธจากโลกภายนอก

ชนเผ่าSentinelese 

เกาะเซนทิเนนลเหนือในอ่าวเบงกอลเป็นที่อยุ่อาศัยของชาวSentinelese ซึ่งได้เป็นหนึ่งในชนเผ่าคนป่าที่ได้อาศัยอยู่นอกเขตอเมริกาใต้ ชาวSentinelese เป็นคนป่าที่ได้มีการพัฒนาน้อยมากและเชื่อว่าพวกเขาอาจจะไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการก่อไฟซึ่งพวกเขาดำรงชีวิตด้วยการกินปลาและมะพร้าว ซึ่งก็เคยมีเรือที่จะพยายามที่จะเข้าไปใกล้ให้ได้มากที่สุดบนเกาะแห่งนี้

แต่เราก็ได้พบกับบุคคลที่ได้อาศัยอยู่ในป่า พร้อมมีอาวุธครบมือที่ได้ยืนเรียงรายบุคคลอยู่ที่ริมชายหาดและพวกเขาก็ยังได้มีความพร้อมมากที่จะทำการขับไล่ใครก็ตมที่ได้เข้ามาบุกรุกในที่ดินแดนของเขาแห่งนี้และเพียงจำนวนประชากรของคนป่าที่ได้มีอยู่แค่น้อยนิดก็ยังสามารถที่จะทำให้เกิดผลที่รุนแรงได้ อย่างเช่นการตายของชาวประมงสองคนที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว

เมื่อประมาณปี2006เฮลิคอปเตอร์ที่จะเข้าไปรับร่างของชายทั้งสองก็ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปรับและลงจอดได้สำเร็จ เนื่องจากว่าพวกเขาที่กำลังจะเข้าไปรับชายทั้งสองนั้นก็ยังไม่สามารถทำได้เลยและยังได้ถูกคนป่ากระหน่ำโจมตีด้วยอาวุธธนูจึงต้องล้มเลิกในภารกิจนี้

ชนเผาMashco-Piro

เมื่อประมาณในปี2011ทางกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเปรูเขาได้เปิดเผยภาพวีดีโอ ที่ได้เป็นภาพของกลุ่มของคนพื้นเมืองที่ได้อาศัยอยู่บริเวณที่ริมแม่น้ำมานู ซึ่งทางด้านนักท่องเที่ยวเขาบังเอิญได้ถ่านบันทึกภาพวีดีโอนี้เอาไว้ได้

โดยที่เธอนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าวีดีโอที่เธอนั้นได้ถ่ายเอาไว้มันคือชนเผาMashco-Piro หลังจากนั้นได้ไม่นานก็ได้เดินทางเพื่อที่จะเข้าไปบริเวณสถานที่แห่งนั้นเพื่อจะทำการสำรวจบนพื้นที่แต่ก็ไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้ต้องล้มเลิกเมื่อผู้นำทางท่านหนึ่งที่เขาได้ถูกลูกศรที่อาบยาพิษเอาไว้ได้ถูกยิงเข้าที่หัวใจจึงทำให้เขาได้เสียชีวิตในทันที

นอกจากนี้ทางการรัฐบาลประเทศเปรู ก็ได้มีการออกคำสั่งให้ยกเลิกการติดต่อใดๆกับคนชนเผาMashco-Piroเพื่อป้องกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ค่อยจะมีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อโรคในปัจจุบัน ซึ่งแม้แต่ไข้หวัดธรรมดาก็อาจจะทำให้ประชากรในชนเผ่าตายเป็นจำนวนมากก็เป็นได้หากแม้ว่าพวกเราจะถูกกีดกันแต่ชนเผ่าทางการรัฐบาลประเทศเปรู ก็ได้มีการออกคำสั่งให้ยกเลิกการติดต่อใดๆ

กับคนชนเผาMashco-Piroเพื่อป้องกันบางคนก็ได้เริ่มที่จะมีการพัฒนาตังเองขึ้นโดยพวกเขาจะสรรหาอาวุธที่มันจะสามารถเอาไว้ปกกันตนเองได้จากการถูกบุกรุกบนพื้นที่โดยบุคคลคนจากภายนอกที่จะเข้ามาคิดทำร้ายกกับคนในชนเผ่าเหล่านี้

 

สนับสนุนโดย  next88