ตำนานไอ้ไข่   เด็กวัดเจดีย์ 

 เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักไอ้ไข่ แห่งวัดเจดีย์กันเป็นอย่างดี ยิ่งคนที่นิยมไปขอหวยตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างต่างแล้วละก็ไม่น่าจะพลาดที่จะไม่รู้จักกับไอ้ไข่ แน่นอน เพราะเสียงเล่าลือถือไอ้ไข่นั้นเป็นผู้ที่ให้โชคลาภกับชาวบ้านที่เดินทางไปกราบไหว้ขอพร และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้หวยแม่น ที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว

สำหรับไอ้ไข่นั้นอยู่ที่วัดในจังหวัดจังหวัดนครศรีธรรมราช 

ซึ่งชื่อว่าวัดเจดีย์ โดยวัดนี้มีตำนานเล่าว่ามีอายุมามากกว่าหนึ่งร้อยปีมาแล้ว ซึ่งในสมัยนั้นมีเพียงแค่เจดีย์เก่าเก่า รกร้างอยู่ในบริเวณที่กำลังสร้างโบสถ์อยู่ในปัจจุบันนี้นั่นเอง และเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2500 ชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะเจดีย์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งและหลังจากนั้นก็มีพระเดินทางมาประจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งทำให้ที่วัดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่ให้ชาวบ้านได้เดินทางมาทำบุญ ร่วมกันและที่วัดแห่งนี้ จะมีพ่อท่าน

ซึ่งพ่อท่านในที่นี้คือ พระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่ โดยพบว่ามีอายุมาตั้งแต่สมัยที่วัดแห่งนี้ยังเป็นวัดร้างอยู่เลย ซึ่งอายุก็ราวราวร้อยกว่าปีมาแล้วเช่นกัน  และสำหรับประวัติของไอ้ไข่ แห่งวัดเจดีย์นั้นคือรูปไม้แกะสลักเป็นรูปเด็กชาย ที่มีอายุราวราวประมาณ 9-10 ขวบ ที่ตั้งอยู่ในศาลาวัดเจดีย์ โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในบริเวณที่วัดแห่งนี้ ซึ่งไอ้ไข่ได้เป็นที่เคารพและสักการะ บูชาของชาวบ้านมาเนิ่นนานแล้ว

โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าขอได้ ไหว้รับโดยเฉพาะชาวบ้านมักจะมาขอไอ้ไข่เรื่องโชคลาภและการค้าขาย ตำนานของไอ้ไข่วัดเจดีย์นั้นมีมากมายหลายตำนาน แต่ที่จะเล่าวันนี้คือ มีชาวบ้านเล่าว่า ในสมัยก่อนนั้นชาวบ้านมักจะเห็นว่ามีเด็กมาวิ่งเล่นอยู่ในบริเวณวัด แต่เมื่อชาวบ้านพากันเข้าไปดูใกล้ใกล้ก็ไม่เจอใคร จึงพากันเรียกเด็กที่ปรากฏร่างนั้นว่าเด็กวัด โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นวิญาณที่สถิตอยู่ทีวัดแห่งนี้ วิญญาณของไอ้ไข่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร

เพียงแค่จะมาหยอกล้อเล่นเท่านั้น ชาวบ้านมักจะพากันเดินทางมาบนบานขอร้องให้ไอ้ไข่คอยช่วยเสมอ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่า ไอ้ไข่นั้นคือวิญญาณของเด็กชายที่ติดตามมากับหลวงพ่อทวดตอนที่หลวงพ่อทวดเดินทางมาธุดงที่วัดแห่งนี้ตั้งแต่สมัยยังเป็นวัดร้าง โดยหลวงพ่อทวดรับรู้ได้ว่าที่วัดร้างแห่งนี้มีทรัพย์สินที่มีค่าอยู่ จึงให้วิญญาณไอ้ไข่ เฝ้าดูแลปกปักษ์รักษาทรัพย์สินของที่วัดแห่งนี้นับแต่นั้นเป็นต้นมา จนผู้คนมาบูรณะวัดและได้เจอกับความศักดิ์สิทธิ์ต่างจึงมากราบไหว้ขอพร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

สนับสนุนโดย  dewabet

ประวัติของหลวงปู่มั่น

   เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักหลวงปู่มั่น พระเกจิชื่อดังอันดับต้นต้นของประเทศ ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย  หลวงปู่มั่นเป็นพระอาจารย์ที่ได้รับการยกย่องจากทางยูเนสโก ให้ท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลก ทางด้านสันติภาพ ซึ่งประวัติของหลวงปู่มั่นนั้นมีการกล่าวถึงกันมายาวนานแล้ว วันนี้เราจะมาลองทวนข้อมูลเหล่านั้นให้ฟังกันอีกครั้งค่ะ

          พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต หรือที่ชาวบ้านรู้จักท่านดี ในนามหลวงปู่มั่น

ท่านเป็นพระที่เน้นการเดินธุดงค์เป็นพระป่า ที่เรียกเช่นนั้นเพราะว่า ท่านมักจะชอบเดินทางไปธุดงค์ปักกรดไปทั่ว ไม่อาศัยอยู่ในวัดเหมือนพระที่เน้นการเทศนา ไม่ใช่พระนักพูด ท่านชอบไปปฏิบัติธรรมตามป่าเขา ปลีกวิเวกไปคนเดียว และยึดหลักธรรมคำสั่งสอนอย่างเคร่งครัด รวมถึงการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดด้วย จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธากับประชาชนโดยทั่วไป

               หลวงปู่มั่นท่านเริ่มบวชเรียนทางธรรมครั้งแรกเมื่อตอนที่อายุ 15 ปีโดยครั้งแรกนั้นท่านบวชเป็นสามเณรและร่ำเรียนธรรมะที่วัดบ้านคำบง โดยท่านมีจิตใจใฝ่ศึกษาในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่ามากแต่บวชเรียนได้เพียงแค่สองปีเท่านั้นโยมพ่อของท่านก็มาบอกให้ท่านสึกออกจากการเป็นสามเณร โดยมาขอร้องให้ท่านกลับไปช่วยกันทำงานที่บ้าน ดังนั้นท่านจึงจำเป็นต้องลาสิขา กับไปเพื่อช่วยโยมพ่อทำงาน แต่ด้วยท่านมีจิตใจที่ฝักใฝ่ที่จะเรียนรู้ในทางธรรมมากกว่าการอยู่กับทางโลก วันหนึ่งท่านได้มาเจอกับหลวงปู่เสาร์ ซึ่งเป็นพระธุดงค์ เดินทางมาปักกลดอยู่แถวบ้าน

ท่านจึงได้อาสาเข้าไปรับใช้หลวงปู่เสาร์ คอยดูแลและถวายตัวเป็นลูกศิษย์ และเมื่อหลวงปู่เสาร์เดินทางไปที่จังหวัดอุบลราชธานี ท่านจึงได้ลาพ่อเดินทางมากับหลวงปู่เสาร์ด้วยและในปี 2463 ท่านจึงได้กลับไปบวชเป็นพระอีกครั้งโดยมีการบวชที่วัด เลียบโดยได้ชื่อทางธรรมว่า ภูริทตฺโต หลังจากบวชแล้วท่านก็ตามหลวงปู่เสาร์

ไปปลีกวิเวกธุดงค์ตามสถานที่ต่างต่างจนเดินทางมาถึงที่จังหวัดนคพนม จนมาจำพรรษา ที่พระธาตุพนม และได้ให้ความรู้กับชาวบ้านถึงพระธรรมคำสั่งสอนและยังบอกให้ชาวบ้านได้ทราบด้วยว่า พระธาตุพนม มีความสำคัญอย่างไร ซึ่งในตอนนั้นชาวบ้านยังไม่รู้ว่าวัดธาตุพนมเป็นสถานที่เก็บอัจฐิธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อต่อมาภายหลังทราบจึงช่วยกันดูแลและมีการจัดประเพณีงานบุญต่างต่างมากมาย โดยการนำของหลวงปู่มั่น จึงเป็นเหตุให้พระธาตุพนมเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนับตั้งแต่นั้นมา

 

สนับสนุนโดย  BK8

ทะเลอารัล น้ำในทะเลทรายที่หายไปอย่างปริศนา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วทะเลอารัลเป็นทะเลที่สร้างรายได้ให้กับในพื้นที่มาช้านาน แต่แล้ววันหนึ่งทะเลกับแห้งสนิดไม่มีน้ำเหลือและได้กลายมาเป็นทะเลทรายอย่างที่เห็น ทะเลอารัลเป็นทะเลปิดที่ตั้งอยู่ในเอเชียกลางอยู่ในประเทศระหว่างประเทศคาซัคสถานกับสาธารณรัฐคาราคัลปัคสถานซึ่งเป็นดินแดนปกครองตนเอง

ของประเทศอุซเบกิสถานและในปัจจุบันนี้ในทะเลทะเลอารัลน้ำนั้นได้หายไปเยอะมากประวัติความเป็นมาของน้ำที่หายไปในทะเลทะเลอารัล ในปี1918รัฐบาลโซเวียตมีความคิดว่าพวกเขาจะสร้างโครงการเปลี่ยนเส้นทางนำของแม่น้ำสองสระและแม่น้ำสองสระที่ว่ามานี้มันคือแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงทะเลอารัลได้แก่แม่น้ำอามูดาร์ยาและแม่น้ำซีร์ดาร์ยา

โดยที่ทางโซเวียตจะสร้างชลประทานให้พื้นที่ทะเลทรายในการปลูกข้าวปลูกธัญพืชและปลูกฝ้ายซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งของแผนการของสหภาพโซเวียตในช่วงของเวลานั้นเพื่อที่จะส่งเสริมการปลูกฝ้ายหรือทองคำขาวในช่วงเวลานั้นให่มันกลายมาเป็นสินค้าหลักส่งออกอย่างเป็นทางการแลพด้วยโครงการดังกล่าวนี้จะทำให้ประเทศอุซเบกิสถานกลายมาเป็นผู้ส่งฝ้ายรายใหญ่ที่สุดในโลกก่อนที่จะเริ่มการสร้างโครงการชลประทานขึ้นมา

ในอีก19ปีคือในปี1937แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่จะสร้างมันขึ้นมานั้นไม่ดีเพราะว่าคลองนั้นมันมีการรั่วซึมมากมายจนทำให้น้ำในคลองชลประทานได้หายไปกว่า75%เลยทีเดียวแต่ในอีก20ปีต่อมาคือในปี1957oheในทะเลอารัลนั้นก็ได้ลดแห้งไปเกิน20 ถึง 60ลูก บาส กิโลเมตรแถมน้ำส่วนใหญ่ที่ไหลลงไปสู่ทะเลแห่งนี้

ก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางงอื่นและกว่าที่พวกเขานั้นจะรู้ตัวว่าน้ำในทะเลอารัลมันแห้งไปไหนหมดมันก็ได้กลายมาเป็นทรายไปเสียแล้วเพราะว่าน้ำในทะเลอารัลนั้นได้ลดลงไปปีหนึ่งเฉลี่ยละ20เมตรจนกระทั่งมาถึงในปี1960ในระดับเฉลี่ยน้ำทะเลพื้นที่แห่งนี้ก็ได้หายไปปีละ90เซนติเมตร

และในการน้ำในคลองชลประทานแห่งนี้ก็ได้มีการเพิ่มขึ้นทุกๆปีท้ายที่สุดแล้วในปี2000กว่าๆทะเลอารัลนั้นก็ไม่มีเหลืออะไรเอาทิ้งไว้ให้ลูกหลานและกับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เลยทั้งๆที่ในอดีตยังเคยมีการจากงานประมงกว่า40,000คนในช่วงที่มันยังอุดมสมบูรณ์อยู่และยังเคยจับปลาได้สูงถึง1ใน5ของโซเวียต

ถึงแม้ว่าการปลูกฝ้ายจะมีจำนวนมากขึ้นถึงสองเท่ารายได้ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกันแต่มันก็ทำให้คนในพื้นที่นั้นได้รวยกันไปและในตอนนั้นผู้หรับผู้ใหญ่ในสหภาพโซเวียตต่างก็รู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเปลี่ยนแปรงเส้นทางของแม่น้ำแต่มันก็ไม่มีใครที่จะกล้าขัดขวางเลยสักคนเดียว

 

สนับสนุนโดย  nowbet

ประวัติศาสตร์ลินคอล์นผู้ที่มีความฉลาด

ชื่อ ลินคอล์น ที่เรานั้นได้รู้จักแต่มันก็ยังใช่ความจริงทั้งหมดภายใต้ที่เป็นคุณสมบัติที่เป็นตำนานเหล่านั้นเขายังเป็นนักการเมืองชั้นยอดอีกด้วยและผู้โน้มน้าวอย่างช่ำชองนักยุทธศาสตร์ที่สุดๆฉลาดโน้มน้าวผู้คนได้ดั่งใจพวกเขาหารู้ไม่ว่ามันเป็นแค่เพียงหมากส่วนหนึ่งบนกระดานหมากลุกของลินคอล์น อับราฮัม ลินคอล์น จอมวางแผ่นชาวอเมริกานักเรียนอเมริกาทุกคนได้รู้จักภาพรักของเขาพื้นแพจากพรมแดนไกลสูงสง่าและชื่อเสียงด้านความซื่อสัฅย์ต่างก็เป็นตำนานของเขาแต่เขาก็ยังเป็นผู้ที่มีเล่ห์เหลี่ยมและคิดลึกอย่างหน้าประหลาด

ซึ่งช่ำนานในการโน้มน้าวใจผู้คนและได้สร้างภาพลักษณ์ของตนเองหากว่าปราศจากความช่ำนานในด้านนี้เขาก็คงไม่มีทางที่จะได้ถูกเลือกเพื่อที่จะได้เป็นประธานาธิบดีฤดูหนาวปี1060ลินคอล์นเป็นทนายความที่โดนเด่นในเมืองสปริงฟีลด์อิลลินอยส์เขาไม่มีสำนักงานทางด้านการเมืองแต่ก็สามารถคว้ารางวัลใหญ่สุดไปได้อย่างอาจหารทําเนียบขาวการได้รักการเสนอชื่อจากพรรคมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเมื่อได้เทียบกับคู่แข่งแล้วเขาได้คู่มงแค่เป็นคู่แข่งทางการเมืองเท่านั้นและลินคอล์นก็รู้ว่าภาพลักษณ์คือทุกสิ่งในสถานะร้านเสมียนแห่งหนึ่งที่มีปัญหาแห่งหนึ่งเขาได้รับชื่อเล่นว่า เอ๊บผู้ซื่อสัตย์

ด้วยการจ่ายเงินคืนเจ้านี่แทนที่จะหลบซ้อนจากพวกเขาตอนนี้เราก็ได้ใช้ชื่อเสียงนี้ของเขาอย่างฉลาดด้วยการเสนอตัวว่าเป็นชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีศักศรีมีผู้แต่งเพลงขึ้นมาสรรเสริญความซื่อสัตย์ของเขาแม้ว่าภาพลักษณ์ของเขานั้นจะถูกสร้างมาจากเรื่องจริงแต่มันก็ไม่ใช่ความจริงไปทั้งหมด 

ผู้ที่ได้รู้จักลินคอล์นจะไม่เรียกเขาว่า เอ๊บผู้ซื่อสัตย์ หรือ เอ๊บคยเก่าแก่ เขาเป็นผู้สร้างภาพลักษณ์ของตนได้อย่างฉลาดมากผู้คนที่รู้จับลินคอล์นในฐานะทนายเมืองเล็กแห่งหนึ่งแต่ในสมัยหนุ่มๆเขาได้เคยตัดไม้ทำรั้วมาแล้วการที่จะเล่าเรื่องคนแบบนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องกลับไปลากเง้าที่ฟาร์มและเน่นย้ำว่า เอ๊บ ลินคอล์น เป็นเพียงชายผู้มีจิตใจดีที่มาจากชนบทเป็นคนตัดไม้ทำรั้วนี่จึงเป็นภาพลักษณ์ที่มีพลังทางการเมืองมากกว่าลินคอล์นทนายการรถไฟว่าซึ่งจริงๆแลวเป็นงานที่เขานั้นได้อยุ่เพื่อจะเน้นประเด็ดนี้ผู้สนับสนุนเขาลากไม้ทำรั้วก็ไม่ได้เกี่ยวเข้าประชุมด้วยแม้ว่าลินคอล์นจะมองว่าภาพลักษณ์นี่จะไมสง่างามนักและเขาก็ได้เล่นไปตามบทนี้จากนั้นได้มีชายคนหนึ่งได้ตีพิมหนังสือรูปคนตัดไม้ทำรั้วจากนั้นลินคอล์นก็กลายเป็นชื่อที่ติดหูไปในทันทีลินคอล์นมีความเข้าใจในรูปแบบรวมสมัยมากๆถึงวิธีการขายตัวเองและมันเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น

ปราสาทเขาพระวิหารและกัมพูชา

คดีปราสาทพระวิหารระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทยซึ่งสารยุติธรรมระหว่างประเทศหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าศาลโลกนั้นได้มีคำพิพาทษาเมื่อวันที่15มิถุนายนคริสตศักราช1962พุทธศักราช2505ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชานับเป็นเวลาครบรอบ46ปีแล้วหลายคนที่ยังเกิดไม่ทันจึงยังไม่รู้และทราบในสภาพของสังคมในสมัยนั้นว่ามันมีประติกิริยาอย่างไรต่อผลของคำพิพาทษานี้

แม้ว่าคนไทยจำนวนมากจะเคยรับรู้เรื่องเหล่าของคดีพระวิหารมาบ้างแล้วก็ตามแต่รายละเอียดทั้งข้อเท็จจริงของคดีนี้ดูจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไหร่นักเรื่องราวปราสาทพระวิหารก็ได้กลับมาเป็นที่สนใจของผู้คนอีกครั้งหนึ่งเมื่อปะเทศกัมพูชาได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการมรดกโลกยูเนสโกพิจารณาว่าปราสาทพระวิหารสมควรที่จะขึ้นทะเบียนเป็นมดรกโลกตามอนุสัญญาเกี่ยวกับการปกป้องวัฒนธรรมโลกและมรดกธรรมชาติภายหลังของการตัดสินของศาลโลกรัฐบาลไทยในขณะนั้นโดยท่าน จอมพล สฤษดิ์ ธนะรันต์ นายกรัฐมนตรีได้ปราศรัยกับประชาชนคนไทย

มีความว่าพี่น้องรวมชาติและมิตรของข้าเจ้าทั้งหลายตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือที่เรียกว่าศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่15มิถุนายนพุทธศักราช2505ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของประเทศกัมพูชาและทางรัฐบาลได้ออกแถลงมาให้พี่น้องทราบเป็นลำดับนั้นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเฉพาะของตัวข้าพเจ้าถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งเพราะมันเป็นที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติอันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทยซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มาฝ่าผ่าคมอาวุธรักษาไว้

และตกทอดมาถึงรุ่นเราเนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นที่สะสะเทือนใจพี่น้องทั้งหลายข้าพเจ้าทราบดีว่าในส่วนลึกและหัวใจแล้วคนไทยผู้รับชาติทุกคนมีความเศร้าใจแสดงออกึงประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศเพื่อคัดคานคำพิพาทษาของโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นสิ่งที่ได้เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้วทั้งนี้มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจชาติไทยยอดทอดแท้ไม่ได้เราเคยสูญเสียประเทศมหาอำนาจที่ล่าอนานิคมมาแล้วหลายครั้งหากบรรพบุรุษของเรายอกท้อแท้เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้

เราจะต้องหาวิธีการสู่ต่อไปสำหรับกรณีปราสาทเขาพระวิหารซึ่งสารโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนันข้าพเจ้าได้ข้อทบทวนความเข้าใจกับเพื่อนรวมชาติทั้งหลายว่ารัฐบาลและประชาชนชาวไทยไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลกทั้งในข้อเท็จจริงกฏหมายระหว่างประเทศและหลักความยุติธรรมเมื่อเป็นดั้งนี้แม้รัฐบาลและประชาชนชาวไทยจะได้มีความรู้สึกเสียใจและเศ้ราใจเพียงใดในฐานะที่ประเทศไทยนั้นได้เป็นสหประชาชาติ

ตำนานพญานาคทั้ง สี่ตระกูล

ตามคำเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ในภาคอีสานเชื่อว่าพญานาคมีอยู่จริง โดยมีความเชื่อกันว่าพญานาคนั้นเป็นกึ่งสัตว์กึ่งเทพ จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับงู บ้างมีนิสัยดี จนไปถึงค่อนข้างดุร้าย แม้ว่าจะมีผู้พรรณนาลักษณะพญานาคกันมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นพญานาคจริงจริงสักที ที่จะเห็นกันส่วนใหญ่ก็จะเห็นมาจากการนิมิตหรือในความฝันเท่านั้น 

พญานาคเป็นสัตว์ที่มีกายทิพย์และเป็นสัตว์ทีมีที่อยู่อาศัยเป็นทิพย์ และมีฤทธิ์ธานุภาพมาก และจะมีพิษที่มีอนุภาพรุนแรงมาก เชื่อว่าพญานาคนั้นมีพิษมากกว่า 64 ชนิดและมักจะมีการคายพิษไว้ในที่ที่เร้นลับทุกทุก 15 วันเนื่องจากหากไม่คายพิษ พิษจะอยู่ในร่างกายมากเกินไปและพญานาคนั้น

เมื่อสิ้นอายุขัยก็จะกลับคืนสู่ร่างเดิมโดยขดตัวเป็นบันลังเรียกว่านาคบันลังหรือนอนราบเหยียดยาวสภาพร่างกายก็จะกลายก็จะกลายเป็นหินโดยทีร่างกายไม่ย่อยสลายเหมือนกับร่างกายของซากสัตว์อื่นอื่นทั่วไป และมักจะพบร่างกายของพญานาคอยู่ในถ้ำลึกหรือยู่ใต้แม่น้ำขนาดใหญ่แต่หากเป็นพญานาคในตระกูลสูงที่มีญาณบารมีแก่กล้าเมื่อสิ้นอายุขัยร่างกายก็จะแตกดับและสลายไปในทันที

ซึ่งตามที่มีการบันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฎกและจากนิทานปรัมปราและจากนิทานที่มีการกล่าวถึงพญานาค  พญานาคจะฤทธิ์ธานุภาพและมีถิ่นที่อยู่อาศัยแตกต่างกันรวมถึงจำนวนพญานาคในแต่ละตระกูลก็ยังมีมากน้อยแตกต่างกันอีกด้วยโดยเราสามารถแบ่งตระกูลพญานาคได้เป็น 4 ตระกูลใหญ่ใหญ่ดังนี้คือ

  1. พญานาคตระกูลสีทอง หรือที่เราเรียกว่าตระกูลวิรูปักษ์ ถือเป็นพญานาคตระกูลชั้นปกครองซึ่งเป็นตระกูลที่เป็นชั้นที่สูงที่สุด และมีการถือกำเนิดแบบเกิดแล้วโตทันทีแบบเทวดาหรือนางฟ้า และกินอาหารทิพย์และมีที่อยู่บนทิพย์วิมารสวนใหญ่มีที่อยู่อาศัยบนฟ้า
  2. พญานาคตระกูลสีเขียวหรือตระกูลเอราปัถถะ ถือว่าเป็นพญานาคตระกูลสูงเช่นเดียวกัน แต่การถือกำเนิดจากเกิดมาจากฟองไข่ และจะอาศัยอยู่ในบาดาลในถ้ำลึก พญานาคตระกูลนี้ถือได้ว่าเป็นพญานาคที่พบเห็นได้มากที่สุด เพราะชอบขึ้นมาบนโลกมนุษย์บ่อยบ่อย
  3. พญานาคตระกูลสีรุ้ง หรือตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลนี้เกิดมาจากการตั้งครรภ์ มีถิ่นที่อยู่อาศัยในป่าลึกหรือใต้ดิน สำหรับพญานาคตระกูลนี้จะมีหลายสี เช่น ขาว แดง ส้มและสีรุ้ง
  4. พญานาคตระกูลสีดำหรือตระกูลกัณหาโคตรมะ ถิ่นกำหนดจะมาจากสิ่งหมักหมม ไม่ถูกจัดว่าเป็นพญานาคชั้นสูงแต่ก็มีฤทธิ์เหมือนกับพญานาคตระกูลอื่นอื่นเหมือนกัน และเป็นตระกูลที่มีลำตัวใหญ่ที่สุดและไม่ค่อยมีใครเคยเห็น

การรับขันธ์คืออะไรมันจำเป็นไหม 

เรานั้นเชื่อว่าต้องมีหลายคนนั้นเคยที่จะไปดูหมอดูตามสำนักต่างๆหรือว่าตามร่างทรงต่างๆที่เรานั้นเคยพบเห็นหรือว่าเคยเจอที่บางสำนักนั้นให้เรานั้นเข้าไปรับขันธ์หรือว่าเข้าไปทำพิธีการรับขันธ์เพื่อที่ว่าจะทำให้เรานั้นดีขึ้นบ้าง เพื่อที่จะให้เรานั้นหายจากโรคที่เรานั้นเป็นบ้างเพราะว่าเรานั้นไปรักษาตามหมอหลวงนั้นก็รักษาไม่หาย  หรือว่าเพื่อที่จะให้เรานั้นได้สมความปรารถนาบ้าง ให้เราได้สิ่งที่เรานั้นต้องการ 

คราวนี้เรานั้นจะมาบอกมาเล่าว่าการที่เรานั้นต้องรับขันธ์ที่แท้จริงแล้วคืออะไร  เป็นพิธีกรรมและมีความสำคัญอย่างไร ซึ่งวันนี้เรานั้นจะมาเล่าหรือว่ามาให้ท่านนั้นได้อ่านว่าคืออะไรเพื่อที่ท่านหลายๆคนจะได้เข้าใจในพิธีกรรมนี้ให้มากขึ้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคตให้มากขึ้น  

       ขันธ์ในทางศาสนานั้นเป็นส่วนหนึ่งของการที่เรานั้นแยกออกมาเป็น 5 กอง  คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งเรียกได้ว่า ขันธ์ 5 หรือขันธ์ทั้ง 5 ซึ่งขันธ์  5 ซึ่ง ขันธ์ 5 นั้นก็คือร่างกายกับจิตใจของเรานี่เอง   

พิธีในการที่เรานั้นรับขันธ์ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตามก็แล้วแต่การที่เรานั้นจะไปถวายภาชนะในการที่เรานั้นจะไปเป็นศิษย์รูปแบบหนึ่งโดยการที่เรานั้นถวาย (  พาน หรือ ขันเงิน ขัน ทอง )ซึ่งจะมาพร้อมกับเครื่องบูชาต่างๆ อย่างเช่น ดอกไม้ ธูป เทียน ห่อด้วยใบตอง หรือไม่ห่อ ตามที่ครูนั้นบอกซึ่งก็แล้วแต่ว่าสำนักไหนนั้นจะต้องการแบบไหน  ซึ่งโดยแต่ละพานนั้นจะมีเครื่องหมู่บูชาเหล่านี้เสมือนกับเป็นขันธ์ 5 ของเรา เมื่อเรานั้นนำไปถวายให้ใครนั้นเราจะไปเป็นลูกศิษย์ หรือว่าเป็นการที่เรานั้นไปถวายประมาณนั้นว่า เรานั้นมอบกายถวายชีวิต  ให้กับผู้นั้นแล้ว โดยทั่วไปแล้วการที่เรานั้นไปถวายเป็นศิษย์ ครูบาอาจารย์นั้นก็ต้องบอกว่าลูกศิษย์เกี่ยวกับข้อห้าม ข้อกำหนด ของแต่ละสำนักให้กับลูกศิษย์  

        ทีนี้เรานั้นต้องกลับมาถามตัวเองว่าหากเรานั้นรับขันธ์ก็ตาม  เราต้องดูให้ดีว่าคนที่เรานั้นจะรับขันธ์นั้นเป็นคนที่มีคุณธรรมหรือไม่  เพราะว่าการที่เรานั้นแต่งแค่ชุดขาว แต่ว่าไม่รักษาศีลนั้นก็มีอยู่มาก ถ้าหากว่าเรานั้นไปรับขันธ์จากคนที่ไม่มีคุณธรรมนั้นแต่ว่าเขานั้นต้องการที่จะมีบริวารเอาไว้   และในขันธ์นั้นก็อาจจะมีเส้นผมของผีที่ตายโหง หรือว่าเป็นสิ่งที่อัปมงคล ซึ่งจะมีผีที่ตายโหงนั้นคอยดลจิตดลใจให้ใจของคุณนั้นไปปรนเปรอ และเมื่อสิ่งนี้นั้นจะนำพาความตกต่ำนั้นมาสู่ชีวิตของเราได้   

การทำบุญไหว้พระ

อิ่มบุญ สุขใจ ใกล้กรุง กับทริปไหว้พระ 9 วัดที่จังหวัดนครปฐม

           สมัยนี้การทำบุญไหว้พระ  หากมีเวลาผู้คนส่วนมากก็มักจะจัดทริปไหว้พระภายในวันเดียว 9 วัดเพราะมีความเชื่อกันว่าหากใครก็ตามที่สามารถไหว้พระครบ 9 วัดได้ภายในวันเดียว พรคำขอ ที่ขอไปจะประสบสมหวังดังที่ตั้งใจ วันนี้เราจะพาไปเที่ยวไหว้พระ 9 วัดที่จังหวัดนครปฐมกันค่ะเพราะทีนี่เดินทางมาสะดวกใกล้กรุงเทพ และวัดที่นี่ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง มาดูกันว่ามีวัดไหนบ้าง

  1. วัดไร่แตงทอง  ที่วัดแห่งนี้จะหลวงพ่อที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คน มักจะพากันมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ รูปหล่อหลวงปู่หลิวนั่งหลังเต่าเรือน  ซึ่งท่านคืออดีตเจ้าอาวาสของวัดไร่แตงทองแห่งนี้นั่นเอง ผู้ต่างจะเดินทางมาขอโชคลาภที่นี้และเน้นเรื่องไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ โดยจะมีการลอดใต้ท้องพญาเต่าเรือนทองเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
  2. พุทธมณฑล ที่นี่จะมีพระพุทธรูปปางลีลา ยืนเป็นพระประธานด้วยความสูงมากถึง 15.875 เมตร  โดยเป็นสถานที่สำคัญที่ทางรัฐบาลร่วมมือกับกลุ่มชาวบ้านประชาชน ช่วยกันสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500  โดยสร้างเพื่อเป็นการฉลองการครบรอบ 2500 ปีที่ศาสนาพุทธยังมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่
  3. วัดบางพระ สำหรับวัดนี้เป็นที่นิยมมากของนักสักยันต์ และเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมายาวนาน มีสถานที่สำคัญหลายจุดให้เข้าไปกราบไหว้ขอพร
  4. วัดไร่ขิง  หากเอ่ยชื่อนี้ออกมาคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะที่นี่โด่งดังมากในตอนนี้เกี่ยวกับการให้หวยแม่น วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่มีการสร้างมานานแล้วโดยตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน
  5. วัดกลางบางแก้ว เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนอีกเหมือนกัน  เมื่อก่อนชื่อวัดคงคามรามและมีการเปลี่ยนใหม่ ซึ่งที่นี่จะมีพระประธานที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก โดยคาดกันว่าถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
  6. วัดศีรษะทอง  ที่วัดแห่งนี้ว่ากันว่าถูกสร้างมาจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นคนลาวที่อพยพหนีสงครามมาจากเวียงจันทน์ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นร่วมใจกันสร้าง และวัดนี้ผู้คนจะนิยมเดินทางมาทำบุญและไหว้พระราหู
  7. วัดพระประโทณเจดีย์  ที่วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เก่าแก่มายาวนาน และยังมีการขุดค้นพบโบราณวัตถุที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมากอีกด้วย
  8. วัดไผ่ล้อม  สำหรับวัดนี้เป็นอีกวัดที่มีชื่อเสียง ทุกคนต่างรู้จักและอาจจะเคยเดินทางมากราบไหว้ โดยที่วัดแห่งนี้จะมี อดีตเจ้าอาวาสที่ท่านละสังขารไปแล้ว แต่ลูกศิษย์ยังคงเก็บสังขารของท่านใส่โลงแก้วไว้อยู่ซึ่งสังขารของท่านยังไม่ผุ ไม่เน่า
  9. วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร  เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวนครปฐมเคารพนับถือ  และที่นี่ยังมีเจดีย์ขนาดใหญ่และติดอันดับความสวยงามของโลกด้วย

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจาก1,000ปีที่แล้ว

อนาคตของเผ่าพันธุ์มนุษย์และโลกอันเป็นที่รักยิ่งของเราจะเป็นอย่างไร

หลังจากที่ได้มีการวิจัยของเหล่านักวิทยาศาสตร์ก้ได้ทำนายเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตตั้งแต่1000ปีและมันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากพันปี 1000ปีหลังจากนี้ภาษาจะมีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วการพูดได้ภาษาเดียวมันอาจจะเอาตัวรอดได้ยากดาวแกมมาเซเฟย์จะมาแทนที่ดาวโพลาลิตรดังนั้นเราจะมีดาวเหนือดวงใหม่ 2000ปีต่อมาแผ่นน้ำแข็งจะละลายอย่างสมบูรณ์ด้วยภาวะโลกร้อนที่รุนแรงถึง8องศาเซนติเกรดน้ำแข็งกรีนแลนด์จะถูกละลายและระดับน้ำของทะเลจะสูงขึ้นถึงประมาณ6เมตร คุณรู้หรือไม่ว่าในปี5125 นั้น

มันเป็นปีที่สิ้นสุดของปฏิทิน มายัน และตามความเชื่อของชาวมายันเมื่อปฏิทินได้มีการสิ้นสุดมันจะเป็นวันที่โลกจะต้องโลกาวินาศอีกครั้งหากเรารอดชีวิตมาได้จากนั้นในอีกประมาณ20,000ปีเราจะปลอดภัยจากการแผ่ลังสีของอุบัติเหตุนิวเคลียร์ จากนั้น50,000ปีนับจากนี้น้ำตกจะหายไปส่วนที่เหลือห่างออกไปประมาณ32กิโลเมตรไปยังทะเลสาบอิรีจะเกิดการกัดเซาะตามธรรมชาติของเวลาและมันจะไม่มีน้ำตกอีกต่อไปน้ำแข็งกรีนแลนด์จะละลายอย่างสมบูรณ์ด้วยภาวะโลกร้อนในระดับที่ปานกลางบวก2องศาเซนติเกรด100,000ปี

นับจากนี้ไทเทเนียมในแมคบุ๊คของคุณจะเริ่มมีความสึกก่อนอาจจะมีการระเบิดของภูเขาไฟระดับ8ซึ่งมันเป็นค่าสูงสุดในดัดชณีหรือดาวเคราะห์น้อยที่มีการเปลี่ยนแปรงสภาพภูมิอากาศขนาดใหญ่มันอาจจะมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อโลกของเราดวงดาวในท่องฟ้าจะมองดูแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากการเคลื่อนที่ของโลกผ่านแกนแล็คซี่และใน500,000ปีต่อมาเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วในเครื่องประติกรในปัจจุบันจะปลอดภัยในที่สุดอากาศหนาวจะเริ่มทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นแล้วทั่วโลกจะเกิดการแช่แข็งไปทั่วโลกใน1,000,000ปี

ต่อมาแก้วหรือกระจกที่ได้สร้ามันขึ้นมาในวันนี้จะเสือมสภาพลงในที่สุดโครงส้รางหินที่มีขนาดใหญ่เช่นพีระมิดแห่งกีซ่าหรือประติมากรรมบนภูเขารัชมอร์มันอาจจะยังคงมีอยู่นอกจากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะหายไปนักวิจัยบางคนเสนอว่าในอีก5,000,000ปีฮอร์โมนในเพศชายจะหายไปดังนั้นนี้อาจจะเป็นจุดจบของมนุษยชาติในอนาคตและในอีก50,000,000ปีต่อจากนี้ทวีปทวีปแอนตาร์กติกาจะชนเข้ากับทวีปยูเรเชียทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ได้อยู่ระหว่างกลางของโลกจะถูกปิดและมันจะกลายมาเป็นเทือกเขาที่มันคล้ายกับเทือกเขาหิมาลัยทวีปแอนตาร์กติกาน้ำแข็งจะเคลื่อนตัวไปทางเหนือและได้ละลายลงจึงทำให้ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นถึง75เมตร

ประเพณีแปลกๆที่โลกต้องตะลึง 

เทศกาลประกวดความงามของผู้ชาย เป็นเทศกาลของชนเผ่าวูอาเบะ ที่ใช้ผู้ชายมาโดยที่คนที่จะเข้าประกวดนั้นจะต้องทำตัวเองให้น่าประทับใจจะต้องมีการแต่งหน้าเขียนตาให้ดูแล้วดึงดูดความสนใจ

ข้อห้ามหลังแต่งงาน เป็นพิธีกรรมของหมู่บ้านทิดงประเทศอินโดนิเซียโดยมีข้อห้ามว่าชายหญิงที่มีการแต่งงานกันไปห้ามปัสสาวะและอุจจาระเป็นเวลาสามวันด้วยกันแต่ก็จะมีการกินข้าวกินน้ำ เป็นการปกติโดย ครอบครัวของทางทั้งสองฝ่ายนั้นจะเป็นการจับตาดูเป็นอย่างดีเพราะมีความเชื่อว่าหากทำไม่สำเร็จชีวิตคู่หลังจากนี้ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จหรือจะมีมาลมาผจญ

ออกล่าในตอนกลางคืน  เป็นประเพณีของมนุษย์ภูฐานโดยจะให้ผู้ชายแอบย่องเข้าไปหาผู้หญิงที่ตนเองรักหรืออาจจะไม่รู้จักมาก่อนก็ได้เพื่อจะมีอะไรกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฝ่ายหญิงจะต้อง ยินยอมทุกครั้งไม่เช่นนั้นอาจจะถูกจับในข้อหาคมคืนทันทีแต่ถ้าหากเกิดมีความผิดพลาดในการท้องเกิดขึ้นแต่ผู้หญิงไม่อยากแต่งงานผู้ชายจะต้องจ่ายค่าเสียหายทั้งหมด

เทศกาลแห่ลึงค์ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่นเป็นพิธีกรรมของศาสนาชินโตโดยผู้คนจะพากันมาแห่ลึงค์ เพราะมีความเชื่อว่าถ้าหากเกิดว่าทำแล้วนั้นจะมีความสุขในชีวิตของชีวิตคู่และการคลอดลูกง่ายหรือชีวิตจะไม่มีปัญหาใดใดมารบกวนหรือมีการรบกวนจิตใจ

ทำความสะอาดศพ พิธีกรรมนี้เกิดขึ้นที่มาดังสตาร์ทก้าในช่วงเดือน ของกรกฎาคมและกันยายนสำหรับครอบครัวที่มีคนตายจะนำกระดูกนำมาห่อผ้าขาวและทำการทำความสะอาดเพราะมีความเชื่อกันว่าหากทำแล้วจะเป็นการขอพร เป็นการขอคำแนะนำจากคนตาย

สวมถุงมือมดทั้งรัง นั่นก็คือเป็นประเพณีของชนเผ่า อัมมารโซเนี่ยนโดยผู้ชายจะต้องใส่ถุงมือที่ข้างในนั้นเต็มไปด้วยมดกระสุนที่กัดเจ็บมากเหมือนกับโดนยิงเป็นเวลา 10 นาทีพร้อมกับเต้นไปด้วยกันทำอย่างนี้เพื่อเป็นการพิสูจน์ในความเป็นชายที่อยู่ในตัวของคุณ

เทศกาลถ่ายไทพูสม เป็นเทศกาลของชาวอินดูโดยภายในงานจะมีการโชว์ความหวานเสียวของแต่ละคนเช่นนำเหล็กแหลมเพื่อนมาทิมแทงหรือน้ำต้องขอมาเกี่ยวผิวหนังซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถ้าคุณแน่จริงซึ่งเทศกาลนี้ก็คล้ายๆกับเทศกาลของ การกินเจของชาวไทยโดยจะมีการโชว์หวาดเสียวตอนทำพิธีการ

กินเนื้อมนุษย์  เป็นประเพณีของชนเผ่าย่าโมมามิที่มีความเชื่อกันว่าถ้านำศพของคนตายเพื่อนำมากินจะทำให้คนตายนั้นไปสู่ภพภูมิที่ดีและมีความสงบสุขแต่หากว่าถ้ามีคนใดคนหนึ่งในครอบครัวไม่ได้กินก็จะมีการนำกระดูกในส่วนที่เหลือเพื่อนำมาต้มเพื่อทำน้ำส้มให้กินแทน